8 เคล็ดลับ ยืดอกรับ ” ความโสด ” แบบไม่ต้องสะกดน้ำตา
“ทำไมมาคนเดียวล่ะ” ความโสด
“มีแฟนหรือยัง”
“เมื่อไหร่จะมีข่าวดี”
คาดว่าในชีวิตนี้คำถามข้างต้นคงจะเคยบาดหูบาดใจคนโสดหลายๆ คนมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ไม่ว่าความโสดจะเคยสร้างความโศกให้คุณมามากแค่ไหน ขอรับรองว่า หลังจากอ่านบทความนี้จบ คำว่า “โสด” จะกลายเป็นคำที่ไพเราะเสนาะโสตและไม่ทำให้คุณระคายจิตใจอีกต่อไป
1.โปรแกรมตัวเองใหม่
แทนที่จะเดือดร้อนกับสถานภาพที่เป็นอยู่และเอาแต่ตั้งคำถามว่า “ทำไมฉันถึงเป็นโสด” หรือนั่งต่อว่าโชคชะตาที่ไม่นำพาคนที่ “ใช่” เข้ามาในชีวิตเสียที คุณควรจะยอมรับความเป็นจริง แล้วพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการถามตัวเองว่า “ฉันจะสร้างประโยชน์สูงสุดจากสถานภาพที่เป็นอยู่ได้อย่างไร” แล้วหาวิธีสร้างความสุขและใช้ประโยชน์จากการเป็นโสดให้เต็มที่ในขณะที่คุณยังสามารถทำได้
2. เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง
เชอร์รี แลงก์เบิร์ต (Sherri Langburt) ผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์แบบคนโสดและผู้ก่อตั้งสังคมออนไลน์ SingleEdition.com กล่าวว่า “แม้การตามหาความรักจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่านั้นก็คือ การรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน”
การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการสร้างพลังงานเชิงบวกขึ้นในใจ เมื่อคุณรู้สึกดีกับตัวเองอย่างแท้จริง คุณจะรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นจะต้องไขว่คว้าหา “ใครสักคน” ที่รักคุณมาเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่านั้นอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน พลังงานเชิงบวกจำนวนมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวคุณจะทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงพลังนั้นและต้องการอยู่ใกล้ชิดคุณไปเองโดยอัตโนมัติ
3. ศึกษาตัวเองให้ดี
ผลสำรวจทางจิตวิทยาเรื่องหนึ่งในสหรัฐอเมริการะบุว่า เมื่อถามแม่บ้านอเมริกันที่แต่งงานและมีลูกแล้วว่า พวกเธอต้องการอะไรเป็นของขวัญวันเกิดมากที่สุด คำตอบที่พบบ่อยที่สุดก็คือ “เวลาสำหรับตัวเอง”
ยิ่งมนุษย์เราใช้เวลาอยู่กับคนอื่นมากเท่าไร ตัวตนของเราก็ยิ่งมีโอกาสถูกกลืน ทำให้เราลืมทบทวนความต้องการส่วนลึกของตัวเองและลืมที่จะทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเองอย่างแท้จริงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคุณจึงควรตักตวงประโยชน์จากช่วงเวลาแห่งการเป็นโสดให้มากที่สุดด้วยการทุ่มเทเวลาให้กับการ ทำความรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง โดยอาจจะเริ่มด้วยวิธีง่ายๆ เช่น จดรายการสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบลงในสมุดบันทึก ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้โลก คน และตนเอง หรือจะเลือกใช้วิธีที่ต้องอาศัยสติปัญญาที่ลึกซึ้งสักหน่อย เช่น การปิดตานอกแล้วนั่งสมาธิเพื่อใช้ตาในศึกษาหาความจริงเกี่ยวกับตัวคุณเองก็ย่อมได้
4. เปิดตัวเอง
อย่าปล่อยให้การอยู่แต่กับตัวเองทำให้คุณกลายเป็นคนโสดที่ปิดตัวเองเสียสนิท เพราะเคยชินที่จะอยู่คนเดียวตลอดเวลา
ในฐานะคนโสด คุณต้องยอมรับว่าโลกของคุณย่อมแคบกว่าคนที่มีคู่หรือมีครอบครัวไปโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงควรใส่ใจกับการขยายฐานความสนใจของตนเอง ด้วยการรับรู้ข่าวสารต่างๆ ให้มากขึ้น ทำกิจกรรมให้หลากหลายขึ้น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นให้มากเป็นพิเศษ และหาโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปบ้าง ขอเพียงเปิดใจให้กว้าง คุณก็สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนโสดที่มีเพื่อนมากมาย มีความรู้รอบตัว น่าคบหา และมีเสน่ห์น่าสนใจขึ้นได้ง่ายๆ
5. อย่าหวั่นไหวที่จะเลือกและทำสิ่งที่ “ใช่” เท่านั้น
อย่าลืมเชื่อมั่นในจุดยืนของตนเอง ด้วยการคิด พูด ทำ และเลือก เฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเท่านั้น
ในวันเกิดปีที่สามสิบ (หรือมากกว่านั้น) ของคุณ แม้ใครๆ ต่างพากันบอกว่า “อย่ามัวแต่เลือกมากอยู่เลย” “ลดมาตรฐานของตัวเองลงบ้างเถอะ” “เลิกฝันหวานถึงมนุษย์สมบูรณ์แบบคนนั้นเสียที” ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วยิ่งเวลาชีวิตเหลือน้อยลงเท่าไร คุณก็ยิ่งควรจะใช้มันอย่างมีค่ามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไร คุณก็ควรจะยิ่ง “เลือก” ให้มากขึ้นด้วย และหากคุณยังไม่พบคนพิเศษเท่าที่คุณเป็นอยู่หรือกำลังมองหาอยู่ คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเลือกใครเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าคุณ “มีใครสักคน” เพราะในวัยนี้คุณคงสามารถหาเลี้ยงและดูแลตัวเองได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นแทนที่จะเอาเวลาไปทิ้งกับคนที่ไม่มีค่าพอ คุณควรจะใช้เวลาที่เหลือไปกับการทำสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ มากกว่า
6. สร้างสุขให้เกิดขึ้นด้วยตัวเองที่นี่และเดี๋ยวนี้
ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าวว่า “ชีวิตมีค่าก็ต่อเมื่อเจ้าของรู้จักใช้” ดังนั้นอย่ามัวแต่ปล่อยชีวิตโสดของคุณให้จมปลักอยู่แต่กับความผิดหวัง เศร้าสร้อย น้อยอกน้อยใจที่ไม่มีใครสนใจ เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้นเกินกว่าจะเสียเวลาไปกับการคร่ำครวญเสียอกเสียใจ
ลองหัดสร้างความสนุกสนานและความพึงพอใจให้ชีวิตด้วยตัวของคุณเองที่นี่และเดี๋ยวนี้ ด้วยการเลิกเล่นเกม “รอ” ใครสักคนแล้วค่อยเริ่ม “ใช้ชีวิต” และ “มีความสุข” ตรงกันข้าม ลองหันมาสร้างความสุขให้แก่ปัจจุบันขณะของคุณ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการออกเดินทางท่องเที่ยว การซื้อบ้านสักหลังแล้วตกแต่งให้กลายเป็นสวรรค์ส่วนตัว การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในฝันสักตัว หรือแม้กระทั่งการกลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยเดิมอีกครั้งเพื่อสมัครเรียนสาขาวิชาที่คุณใฝ่ฝันมานาน
อย่าลืมว่าความสุขและความทุกข์นั้นเป็นเพียงสิ่งที่จิตใจของเราปรุงแต่งขึ้นด้วยความเคยชิน ดังนั้นหากเราเรียนรู้ที่จะ “รู้สึกมีความสุข” ได้เมื่อไร เราก็จะมีความสุขได้เมื่อนั้น ดังที่ ประธานาธิบดีเอบราแฮม ลิงคอล์น (Abraham Lincoln) กล่าวไว้ว่า “คนส่วนมากจะมีความสุขได้มากเท่าที่เขาตัดสินใจที่จะมี”
7. ระบายความเหงาอย่างสร้างสรรค์
แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองผจญกับความเหงาอยู่บนเตียงกับหนังรักและเพลงเศร้าเคล้าหยาดน้ำตา ลองหันมา ปลดปล่อยความเหงาอย่างสร้างสรรค์ด้วยการวาดรูป เขียนบันทึก หรือ เขียนบล็อก ฯลฯ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ต่างๆในชีวิตออกมาเป็นงานศิลปะ
การได้เรียบเรียงความรู้สึกแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะจะทำให้ประสบการณ์ต่างๆ ตกตะกอน กลายเป็นบทเรียนที่สอนอะไรๆ แก่ชีวิตได้เป็นอย่างดี และไม่แน่ ความเหงาของคุณอาจจะกลายเป็นต้นกำเนิดของผลงานชิ้นโบแดงที่ส่งให้คุณดังเป็นพลุแตกเข้าสักวันก็เป็นได้
8. อย่าสบายจนเคยตัว
ไม่ว่าความโสดจะทำให้ชีวิตคุณง่ายมากขึ้น รักที่จะทำตามใจตัวเอง และละเลยระเบียบวินัยเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านไปแค่ไหน คุณก็ไม่ควรปล่อยให้ความง่ายนั้นกลายเป็นความ “มักง่าย” เป็นอันขาด
อย่าปล่อยให้อิสรภาพที่ได้รับจากการอยู่อย่างคนโสดทำให้คุณมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เคยชินกับการกินอาหารง่ายๆ หรืออาหารปรุงสำเร็จทุกมื้อเพื่อแค่ให้อิ่มแล้วจบๆ ไปหรือละเลยเรื่องความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยของที่อยู่อาศัยจนกลายเป็นคนสกปรก รกรุงรัง และอย่าหละหลวมเรื่องระเบียบวินัยในการบริหารเวลาจนกระทั่งทำให้คุณพลาดเป้าหมายใหญ่ๆ ในชีวิตและที่สำคัญที่สุดคือ อย่าสบายจนลืมรักษาสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะรายละเอียดเหล่านี้คือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ชีวิตโสดของคุณมีความสุขอย่างแท้จริง
เพียง 8 ข้อนี้ก็ทำให้คุณยืดอกรับความโสดได้อย่างมีความสุขแล้ว