ในชีวิตของผม (อ๊อด - รณชัย ถมยาปริวัฒน์) เคยผ่านการบวชมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกตอนอายุ 22 ปี ครั้งที่สองตอนอายุ 28 ปีเหตุที่บวชอีกครั้งเพราะได้บนบานไว้ ขอให้พี่ชายรอดชีวิตจากการผ่าตัดสมอง
ตอนนั้นผมลำบากมาก ต้องออกจากวงการไปเป็นนักร้องตามผับตามบาร์ เงินเก็บก็ไม่มี เมื่อพี่ชายประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้มหัวฟาด ต้องผ่าตัดสมอง มีค่าใช้จ่ายถึงสามแสนบาท โดยที่โอกาสรอดมีเพียงแค่ 40เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ผมก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตพี่ชายไว้
ครูบาอาจารย์แนะนำให้ผมนั่งสมาธิแล้วอธิษฐานจิตถึง ท่านพ่อเฟื่อง โชติโกเจ้าอาวาสคนแรกของวัดธรรมสถิต จังหวัดระยอง ที่ผมนับถือ ปรากฏว่า หลังผ่าตัดพี่ชายผมรอดราวปาฏิหาริย์ แต่ด้วยความที่สมองบางส่วนของเขาได้รับความกระทบกระเทือน ทำให้พูดไม่เป็นภาษา ตอนนั้นผมรู้สึกทุกข์มาก เพราะปัญหาหลายอย่างเข้ามารุมเร้า แต่โชคยังดีที่การรับใช้ครูบาอาจารย์สายวัดป่าทำให้ผมได้รู้จักกับ หลวงปู่วัย ซึ่งเคยเป็นอาจารย์หมอสอนอยู่เมืองนอกแต่กลับมาบวชตลอดชีวิตที่เมืองไทย และสนใจศึกษายาแผนไทยอย่างจริงจัง ท่านบอกผมว่า ยาฝรั่งตามหลังยาไทยอยู่ไม่ต่ำกว่า 80 ปี
หลวงปู่วัยเขียนชื่อยาไทยให้ผมไปซื้อที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ เมื่อให้พี่ชายกิน สมองของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว จนทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะพูดจาสื่อสารกับเราได้ยาก แต่ก็สามารถดูแลตัวเองได้ทุกอย่าง เพียงแค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว หลังจากที่พี่หาย ผมก็ตัดสินใจบวช และการบวชครั้งนี้ทำให้ใจของผมได้สัมผัสกับธรรมะของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ชีวิตดีขึ้น หลังทำผ้าป่าช่วยชาติ
ผมมีโอกาสได้ฟังเทศน์จากหลวงตามหาบัว ท่านพูดว่า พระอรหันต์มีจริงนิพพานมีจริง และสิ่งนี้ได้เกิดกับท่านตั้งแต่อายุ 30 กว่า ๆ แม้ว่าใจหนึ่งจะคิดว่าท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร เพราะมันเหมือนอวดอุตตริมนุสสธรรม แต่อีกใจหนึ่งก็เกิดความปีติยินดีจนน้ำตาไหล เพราะเราก็ศรัทธาในพระพุทธศาสนามานานแล้ว แต่มีพระรูปนี้ที่เอ่ยเรื่องนี้ให้เราได้ฟัง ท่านพูดเพื่อให้ทุกคนมาช่วยชาติ ไม่ได้พูดเพื่อประโยชน์ส่วนตนใด ๆ
เมื่อสึกแล้ว ผมก็เข้าไปช่วยงานหลวงตามหาบัว เช่น ช่วยทำสปอตโฆษณาเป็นโฆษกพูดตามงานต่าง ๆ ช่วยทำโรงทานจัดดอกไม้ในงานต่าง ๆ ยกเครื่องเสียงตั้งโต๊ะ เต็นท์ ฯลฯ ผมทำทุกอย่างด้วยใจแทบไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นชีวิตของผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จากที่ไม่มีอะไรเลย ก็เริ่มเห็นแสงสว่างเป็นครั้งแรก
แม้ว่าผมจะเรียนจบเศรษฐศาสตร์มาก็จริง แต่เคยไปลงเรียนวิชาทางด้านครุศาสตร์ และสนใจพระพุทธศาสนาและจิตวิทยา ทำให้ผมอยากพัฒนาเรื่องการศึกษาของเด็กไทย และคิดว่าถ้าให้ดีที่สุดก็ต้องเริ่มตั้งแต่วัยอนุบาลและวัยประถม ผมและแม่ของภรรยาซึ่งเป็นครูมาตลอดชีวิตจึงได้ร่วมมือกับนักวิชาการทางการศึกษาคิดค้นหลักสูตรที่เรียกว่า “ดนตรีคีรีบูน พัฒนาอัจฉริยภาพ” ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในวัยอนุบาลด้วยการใช้กระบวนการทางดนตรี
ช่วงแรก ๆ ที่ทำ ผมต้องไปทดลองสอนเด็กอนุบาลที่โรงเรียนต่าง ๆ ฟรี ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็ลำบาก ต้องทิ้งอย่างอื่นเพื่อมาทำงานการศึกษาอย่างจริงจัง เงินทองก็ไม่มี ถึงขนาดที่ครั้งหนึ่งเคยมองทุ่งหญ้าข้างทางแถวรามอินทรา แล้วคิดว่า “นี่ถ้าเรากินหญ้าได้ ชีวิตคงจะไม่ยุ่งยาก” แต่ผมก็กัดฟันสู้ไม่ถอยมาเป็นสิบ ๆ ปี จนวันนี้เริ่มเห็นดอกผลของสิ่งที่บากบั่นมาด้วยสมองและสองมือของตัวเอง เมื่อโรงเรียนต่าง ๆเกิดความศรัทธาในวิธีการสอนของผม หลักสูตรที่คิดค้นก็เลยได้นำไปใช้ในโรงเรียนกว่า 40 แห่ง และปัจจุบันผมเปิดเป็นโรงเรียนคีรีบูน จีเนียสมิวสิค อีกด้วย
ดนตรีพัฒนาอัจฉริยภาพที่ผมคิดค้นเป็นการปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับเด็ก โดยจัดการเรียนการสอนที่เป็นกระบวนการกระบวนการที่ว่านี้ใช้ทั้งเพลง นิทาน เกมและสื่อการสอนต่าง ๆ อย่างเช่น ผมจะสอนการฝึกคิดวิเคราะห์ให้กับเด็ก ก็สอนผ่านเพลง พายเรือ ที่ผมจะให้ไม้พายกับเด็กทุกคน แล้วให้พายเรือไปตามจังหวะของเพลงเช่น ร้องเพลงว่า “ลงเรือ พายไป ตามคลอง” เด็กก็จะยกไม้พายขึ้นลงตามเพลงตามมาด้วยเนื้อร้องท่อนต่อไปว่า “ตาจ้องมองสองฝั่งข้างทาง หูฟังเสียงอะไรกันบ้าง”แล้วดนตรีก็หยุด มีเสียงดังออกมาเป็นเสียงนกหวีดและเสียงเด็ก ๆ เต็มไปหมด ผมก็จะถามเด็ก ๆ ว่า “ช่วยครูอ๊อดคิดหน่อยสิลูก เราพายเรือมาถึงที่ไหนนะ ที่มีเสียงนกหวีดกับเด็กเจี๊ยวจ๊าว คิดว่าเป็นที่ไหน…”
นี่คือตัวอย่างการสอนของผม ซึ่งทำให้เด็กมีความสุขในการเรียน ผมอยากปลูกฝังสิ่งนี้ให้กับเด็กทุกคน และที่สำคัญทำให้เด็ก ๆ เห็นว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เราเรียนรู้ได้ไปตลอดชีวิตของเรา และหลังจากนี้ผมก็จะทำเรื่องคณิตศาสตร์ด้วย เพราะทั้งดนตรีและคณิตศาสตร์ก็มีธรรมชาติคล้ายกัน
ทุกวันนี้ เด็กที่ผ่านกระบวนการสอนของผม นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว ก็ยังมีพัฒนาการด้านดนตรีดีมาก สามารถทำวงดนตรีไปแข่งขันกับพี่ ๆ ในระดับมหาวิทยาลัยจนได้รับรางวัลกลับมา
ผมยังจำคำที่หลวงตามหาบัวพูดได้ดีว่า “ใครที่มาช่วยกันในงานผ้าป่าช่วยชาติไม่ใช่บุญธรรมดาเลยนะ แต่เป็นมหาบุญมหากุศลจริง ๆ เพราะถ้าเราช่วยประเทศชาติรอด พระพุทธศาสนาซึ่งเจริญที่สุดในโลกที่ประเทศไทยก็จะอยู่รอดไปด้วยเพราะถ้าตอนนั้นต่างชาติเข้ามา พุทธศาสนาก็อาจจะอ่อนแอ อาจไม่มีกฎหมายให้เราลาบวชได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าชาติอยู่รอดพระพุทธศาสนาอยู่รอด สถาบันพระมหากษัตริย์ของเราก็จะอยู่รอดด้วย เท่ากับเป็นการช่วยยกทั้ง 3 สถาบัน”
และด้วยผลบุญกุศลในครั้งนั้นก็ทำให้ทุกวันนี้ชีวิตของผมดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้ไม่ร่ำรวย แต่ก็อยู่ในจุดที่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องหันไปมองหญ้าข้างทางเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
ชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดเป็นชาวพุทธ
นอกจากบุญกุศลที่ทำจะช่วยให้ชีวิตของผมดีขึ้นแล้ว ครั้งหนึ่งผมเคยรอดชีวิตจากอุบัติเหตุราวปาฏิหาริย์ ครั้งนั้นผมหลับในขณะขับรถขึ้นทางด่วนตอนตีสาม รถวิ่งมาด้วยความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียงแค่คืบเท่านั้น รถของผมก็จะชนกำแพงข้างทางแล้ว แต่ด้วยเดชะบุญทำให้ผมตื่นทันและแฉลบรถออกมาได้ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ครั้งนั้นผมนึกถึงครูบาอาจารย์ นึกถึงพระพุทธรูปที่ท่านพ่อเฟื่องมอบให้ พร้อมคำพูดที่ว่า “เก็บไว้ดี ๆ นะสิ่งนี้จะรักษากายได้ แต่ไม่สามารถรักษาใจ”เมื่อมั่นใจว่าความดีเท่านั้นที่จะรักษาเราได้ผมก็เดินหน้าทำความดีต่อไป โดยตอนนี้ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลการสร้างเจดีย์ที่ดอยธรรมสถิต จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่ผมต้องทำให้สำเร็จให้ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผม ศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัตถุสิ่งของต่าง ๆ แต่ศาสนาอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ทุกวันนี้หลายคนเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนา เพราะสื่อนำเสนอแต่แง่ไม่ดี ข่าวไม่ดีของพุทธศาสนาได้ลงหน้าหนึ่ง แต่ข่าวดี ๆ มีพื้นที่หลบอยู่ด้านในนิดเดียว ผมอยากให้หลาย ๆ คนรู้จักบริโภคสื่อให้เป็นให้เท่าทันด้วย ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งพุทธศาสนาของเราก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้
ที่สำคัญ การที่เราจะดูแลพุทธศาสนาก็ไม่ควรหลงไปตามกระแสบุญนิยมหรือไปยึดติดตัวบุคคลแล้วลืมคำสอนที่แท้จริงพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราจัดพิธีที่สวยงามนั่งเรียงเป็นแถว แต่สอนให้เรามีดวงจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ และไม่ไปยึดติดแบบแผนอะไรที่เป็นแค่เพียงกระพี้ เพราะฉะนั้นเราอย่าหลง แต่ควรศึกษาพุทธศาสนาให้ถึงแก่นศาสนาพุทธมีความเป็นวิทยาศาสตร์ สอนเราให้เข้าถึงเหตุและผล เช่น ถ้าชีวิตคุณอยากได้อะไร คุณต้องทำในสิ่งนั้น เมื่อทำเหตุดีแล้ว ผลย่อมดีตามมา
สำหรับผม วิชาความรู้ทางโลกต่าง ๆที่เราเรียนนั้นยังเป็นอวิชชา เพราะเราเรียนรู้ได้ไม่จบไม่สิ้น เป็นการเรียนเพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาของมนุษย์ แต่พระพุทธศาสนาเป็นวิชาที่เรียนรู้แล้วจบแล้วสิ้น จบเพื่อดับกิเลสของเรา ไม่ให้ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ดังนั้น ชาติหน้าฉันใด ผมไม่ได้อยากเกิดเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าที่เคยเป็นแต่ผมขอตั้งจิตว่า
“ถ้าข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิดก็ขอให้เป็นคนที่มีสัมมาทิฏฐิประจำดวงจิตเป็นคนมีเหตุมีผล แล้วก็ขอให้เกิดอยู่ในบวรพุทธศาสนา และถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้บวช”
ผมขอเพียงแค่นี้ครับ
Secret Box
มีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่าเราอยากดี-เด่น-ดังอะไรเลย เพียงแต่ขอให้รู้สึกว่าเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง นั่นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้
พุทธทาสภิกขุ