จงพร้อมจะเรียนรู้จากคุณครู ประสบการณ์ โดย ท่าน ว. วชิรเมธี
ดิฉันเพิ่งแต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ และกำลังจะย้ายไปสร้างครอบครัวด้วยกันที่ต่างประเทศ ใจหนึ่งดิฉันก็อยากไปเพราะไม่อยากอยู่ไกลสามี แต่อีกใจก็กลัว…กลัวไปหมดเลยค่ะ กลัวเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่าง ภาษาก็แตกต่าง อยากทำงานก็ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดีรู้สึกกังวลไปหมด พยายามบอกตัวเองว่า มันเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่ต้องเป็นทุกข์ แต่พออยู่คนเดียวทีไรก็คิดมากทุกที กรุณาแนะแนวทางปฏิบัติให้ดิฉันด้วยเถอะค่ะ ประสบการณ์
ผู้เขียนคิดว่า สิ่งที่คุณกำลังกลัวนั้นไม่ค่อยจะน่ากลัวเท่าไรเลย เพราะคุณได้ผ่านสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นหลายสิบเท่ามาแล้ว สิ่งที่ว่านี้ก็คือ การตัดสินใจแต่งงานกับชาวต่างชาติไง
การแต่งงานกับชาวต่างชาติเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่คุณก็ยังเลือกเส้นทางนี้ ดังนั้นคุณคงถอยยากอยู่สักหน่อย ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเดินไปข้างหน้า
เรากลัวเรื่องไหน เราก็ควรเตรียมใจ เตรียมความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นให้พร้อมเอาไว้ก่อน
กลัวเรื่องภาษา ก็ควรหาโอกาสพัฒนาภาษาให้พร้อมเสียก่อนที่จะออกเดินทาง แต่โดยมากความกลัวเรื่องภาษานี้มักจะแก้ได้โดยวิธีธรรมชาติคือ การเรียนรู้จากสามีโดยตรง อยู่กินกันไปไม่นานภาษาก็คงจะพัฒนาขึ้นโดยอัตโนมัติ ผู้เขียนมีลูกศิษย์ที่แต่งงานอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติมากมาย หลายคนที่เริ่มต้นโดยแทบไม่มีพื้นความรู้ด้านภาษาต่างประเทศเลย มีแต่เพียงความรักนำทางเท่านั้น แต่พออยู่กินกันไปไม่นานก็เก่งภาษาไปโดยอัตโนมัติเพราะการเรียนรู้โดยวิธีธรรมชาติในชีวิตจริง ทำให้พูดได้ สื่อสารได้เร็วกว่าไปนั่งเรียนเป็นไหน ๆ
กลัวเรื่องวัฒนธรรม ก็ควรศึกษาจุดอ่อนและจุดแข็งของวัฒนธรรมเขาให้รู้ล่วงหน้า เมื่อไปอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมนั้นจริง ๆ จะได้ปรับตัวไม่ยาก
วัฒนธรรมบางอย่างของต่างประเทศก็ดีกว่าของคนไทย แต่บางอย่างวัฒนธรรมไทยก็ดีกว่าของเขา ส่วนไหนเป็นวัฒนธรรมของเขาแต่ดีกว่า ก็เรียนรู้เอาไว้
ส่วนไหนของเราที่ด้อยกว่า ก็ทิ้งไป (เมื่ออยู่กับเขา)
ส่วนไหนที่ใช้ในบ้านเราแล้วดีกว่า ก็คงไว้
และส่วนไหนที่ใช้ไม่ได้ในบ้านเขา ก็ปล่อยวาง
สุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม” นับว่ายังคงทันสมัยอยู่เสมอ การไปอยู่ในบ้านเขาเมืองเขาแล้วเราไม่ยอมปรับตัวตามวัฒนธรรมเขา จะทำให้เรากลายเป็นรูกลมในหลักเหลี่ยม เข้ากับใครเขาไม่ได้ การพร้อมปรับตัวจึงนับว่าดีที่สุด ค่อย ๆ เรียนรู้ไป แรก ๆ อาจขัดเขิน ติดขัดบ้าง แต่ไม่นานก็คงจะชินไปเอง
คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่คุณควรมีก็คือ การมองโลกในแง่ดี คือบอกตัวเองอยู่เสมอว่า บางทีเรื่องที่เรากลัว ๆ นั้นมันอาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ หรือหากมันเกิดขึ้น มันก็ไม่จำเป็นต้องเลวร้ายเสมอไป
การดำเนินชีวิตนั้นไม่มีสูตรสำเร็จหรอก สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนคนหนึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นกับอีกคนหนึ่งเสมอไป มีผู้หญิงไทยหลายคนที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ ปรากฏว่า พอย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วมีความสุขกว่าอยู่เมืองไทยหลายเท่าตัว โดยเฉพาะบางคนเคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า อยู่เมืองนอกไม่มีปัญหาเรื่องอิจฉาตาร้อน ไม่มีปัญหาเรื่องการดูหมิ่นถิ่นแคลนเหมือนอยู่เมืองไทย มีเสรีภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น คุณภาพชีวิตก็ดีกว่า ทำงานน้อยแต่รายได้ดีกว่าที่เมืองไทยหลายเท่าตัว
บางคนคิดว่า ไปอยู่ต่างแดนแล้วอาจเจอนรก แต่พอย้ายไป จริง ๆ แล้วกลับเป็นสวรรค์ไปก็มี
สิ่งที่คุณกังวลนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เป็นธรรมดาอย่างหนึ่งของปุถุชนเราดี ๆ นี่เอง ผู้เขียนเองเคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แม้จะไม่นาน แต่ก็กล่าวได้ว่า มองเห็นแง่ดีแง่งามของประเทศที่ไปพำนักไม่น้อย มีวัฒนธรรมดี ๆ หลายอย่างของเขาที่เรานำมาปรับใช้ได้จนทุกวันนี้
จริงอยู่ว่า อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา แต่การดันดุรังยึดติดคติอย่างนี้คงไม่ช่วยอะไร ในเมื่อคุณได้ตัดสินใจแต่งงานกับเขาไปแล้ว ทางที่ดีที่สุดก็คือ การบอกตัวเองว่าอย่ากังวลเกินความเป็นจริง เพราะในโลกของความเป็นจริง ทุก ๆ สิ่งอาจไม่เป็นอย่างที่เรากลัวเสมอไป
ทำไมไม่มองว่า การย้ายไปอยู่ต่างประเทศเป็นโอกาสทองของชีวิตล่ะ มีคนไทยกี่คนที่โชคดีเท่าคุณ ชีวิตในเมืองไทยก็ได้ใช้แล้ว ยังจะมีโอกาสไปลองใช้ชีวิตในเมืองนอกอีก
นี่คือกำไรชีวิตต่างหาก ไม่ใช่เรื่องควรมานั่งหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ที่มา นิตยสาร Secret