ลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป
ในยุคที่สาว ๆ ใส่ใจกับหุ่นเฟิร์ม ๆ และการ ลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป คือคำตอบที่คุณหมอคนดัง แนะนำว่า อยากหุ่นสวย ต้องทำตาม
คุณหมอกรกฎ พานิชย์ อดีตแพทย์ประจำทีมนักกีฬาทีมชาติไทย มีคำแนะนำที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ แถมไม่โยโย่เพื่อคนที่ต้องการลดน้ำหนักมาฝากค่ะ
วัยรุ่น หรือสาว ๆ ที่ทนแบกน้ำหนักของตัวเองมาเป็นเวลานานไม่ไหว พออยากจะลดน้ำหนักมักพยายามหาสูตรเด็ดและมีคำถามเหล่านี้มาถามผมเสมอ เช่น
อยากลดวันละ 1 กิโลกรัม ทำยังไงคะ มียาลดความอ้วนตัวไหนบ้างคะ ที่กินแล้วไม่โยโย่ และที่ถามบ่อยมาก ๆ ได้แก่กลุ่มที่ไม่อยากออกกำลังกาย แต่ขอสูตรยาให้น้ำหนักลดเร็วแต่โทรมน้อย ๆ
ก็เป็นเรื่องปกติครับ ถ้าท่านสังเกตดี ๆ ในปัจจุบันเด็กยุคใหม่มักจะรออะไรไม่เป็น ต้องให้ได้อย่างใจในเวลาอันสั้น เลยต้องตกเป็นเหยื่อของยาลดน้ำหนักหลายครั้ง อันตรายถึงชีวิต ลงข่าวหน้าหนึ่งบ่อย ๆ ตัวอย่างวิธีลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนที่ใช้กันแพร่หลาย แต่มักมีผลเสียตามมา เช่น กินอาหารเสริมต่าง ๆ ยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย หรือ ยาชนิดอื่น ๆ การอดอาหาร ไม่ดื่มน้ำ บ้วนน้ำลายบ่อย ล้วงคอให้อาเจียนอบซาวน่า
ตัวอย่างเหล่านี้เป็นการเอาน้ำหนักออกจากตัวที่เป็นส่วนเปลือก ๆ เท่านั้น แต่ก็รวดเร็วจริง หลายคนเลยเห็นว่าได้ผลและพยายามทำต่อเนื่อง
แต่แก่นแท้ของการลดน้ำหนักหากจะให้เห็นผลรวดเร็ว ท่านต้องมีความตั้งใจและอดทน จากนั้นเริ่มลดการสะสมไขมันส่วนเกินโดยกินอาหารชนิดที่เหมาะสม ในเวลาที่ควร(กินเพื่ออยู่) ร่วมกับการเผาผลาญไขมันสะสมทิ้งไป ออกกำลังกายหรือขยับตัวบ่อย ๆ เท่านั้น(ขยับเองเท่านั้น)
หากทำได้ก็ลดได้ แต่เร็วแค่ไหนถึงจะเหมาะสมให้ดูเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบกับน้ำหนักตัว เพราะแต่ละคนน้ำหนักตัวไม่เท่ากัน และที่สำคัญหากอายุเริ่มเข้าใกล้หลักสี่ จะเร็วเข้าว่าร่างกายอาจจะพังเอาง่ายๆครับ
การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว มีผลเสียอย่างไร
คำตอบคือ มีผลเสียทั้งทางกายและสภาพจิตใจผลเสียที่ร้ายแรงมากคือ การขาดน้ำ มีผลวิจัยพบว่าร่างกายขาดน้ำไปเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ขาดความกระตือรือร้น ง่วงซึม หรือบางคนอาจมีอาการเครียด อารมณ์แปรปรวน โกรธง่าย ขี้หงุดหงิด หากขาดน้ำต่อเนื่องอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ท่านใดที่ลดน้ำหนักด้วยการไม่ดื่มน้ำแล้วมีอาการอ่อนเพลียหัวใจเต้นเร็ว ริมฝีปากแห้ง ปวดหัวเวียนหัวปัสสาวะสีเข้มมีกลิ่นฉุน เป็นตะคริวบ่อย ท้องผูกแสดงว่าท่านเริ่มขาดน้ำแล้วนะครับ
การอดอาหารจะทำให้ขาดพลังงาน และขาดสารอาหารที่จำเป็นสำหรับอวัยวะที่ต้องใช้พลังงานเพื่อให้มีชีวิตรอด เช่น หัวใจ ไต สมอง เราจำเป็นต้องกินพอประมาณและกินในเวลาที่ควรกิน เช่น ควรลดแป้ง ลดน้ำตาล โดยเฉพาะมื้อเย็น มื้อค่ำ มื้อดึกหลังพระอาทิตย์ตก หากท่านไม่มีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมาก ๆ แล้ว อย่าไปกินเยอะให้ลำไส้ ตับ ไต ต้องเหนื่อยเกินไป ให้พวกเขาได้พักบ้าง ไม่เช่นนั้น เขาก็อาจเพี้ยนไป กลายเป็นมะเร็งให้ท่านต้องมาลำบากในภายหลัง
หากท่านลดมื้อเหล่านี้ได้จนร่างกายชิน ที่สุดน้ำหนักจะไม่เพิ่มขึ้นแน่นอน(แม้จะยังลดไม่ได้)
ยาลดอ้วน อันตรายถึงตาย
“นักเรียน ม.6 กินยาลดความอ้วน เสียชีวิต เตือนโจ๋สาวลดอ้วน อย.ชี้อาจถึงเสียชีวิต” เป็นพาดหัวข่าวที่มีโอกาสได้เห็นอยู่บ่อย ๆ เพราะอาหารเสริมหรือยาลดน้ำหนักมีอันตรายแฝงอยู่ เพราะความสวยไม่เคยปราณีผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกนี้ จึงไม่แปลกที่จะต้องพยายามหาตัวช่วยในการกระตุ้นจิตใจให้ฮึกเหิมในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะช่วงแรกของการลดน้ำหนักซึ่งต้องใช้ทุกสิ่งอย่างมาช่วย มากระตุ้นให้ผ่านช่วงแรกไปให้ได้ จึงมีโอกาสเป็นเหยื่อของอาหารลดน้ำหนักหลายชนิด
จะขอยกตัวอย่างยา(สารเคมี)ชนิดหนึ่ง ชื่อ ไซบูทรามีน เคยเป็นยาที่ใช้ลดน้ำหนักทั่วโลก โดยออกฤทธิ์รบกวนกระบวนการปกติ ในการสื่อประสาทของสาร serotonin และ norepinephrine ส่งผลต่อการรับรู้ ทำให้ไม่หิวรู้สึก หรืออิ่มเร็วขึ้นเมื่อได้รับสารนี้เข้าไป
เมื่อ 3-5 ปี ก่อนหลายประเทศได้ถอนยาตัวนี้ออกบัญชีไปแล้ว เช่น ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน ไทย เป็นต้น เพราะยาตัวนี้มีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น ปากแห้ง คลื่นไส้ การรับรสผิดปกติ แน่นท้อง ท้องผูก นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ วูบวาบ ปวดตามข้อ และที่อันตรายคือ ส่งผลเสียต่อสมอง และหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง และอาจเกิดหัวใจวายเสียชีวิต หากเกิดที่สมองก็จะทำให้พิการจากโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตหรืออาจเสียชีวิตได้
ปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้ง รีโมตโทรทัศน์ แอร์ บันไดเลื่อน ลิฟท์ โซเชียลมีเดีย ต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้เราใช้พลังงานน้อยลงมาก การใช้ร่างกายน้อยเกินไป กล้ามเนื้อก็ฝ่อลีบ หัวใจก็ป้อแป้
หากบังเอิญกินยาลดน้ำหนักเข้าไปอีกทีนี้จะพิการหรือเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวนะครับ
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต
บทความอื่นที่น่าสนใจ
การแช่เท้าด้วยยาจีนช่วย แก้ปวดประจำเดือน
17 วิธีตรวจ เนื้องอก ด้วยตัวเอง ฉบับสาวทำงาน
เดินเร็ว ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อมได้จริง
ถ่ายเป็นเลือด สัญญาณผิดปกติในลำไส้ใหญ่
ติดตามชีวจิตได้ที่