คงเคยได้ยินกับวิธีการรักษาตามศาสตร์แพทย์แผนจีนกันมาบ้าง วันนี้ชีวจิตจะพาไปทำความรู้จักกับการ “ครอบแก้ว” ให้มากขึ้น เผื่อใครที่กำลังลังเลว่า จะไปทำดีหรือไม่ดี จะได้มีข้อมูลไว้ประกอบการพิจารณา ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนอธิบายความหมายของการครอบแก้วไว้ว่า ความร้อนของไฟ จะเป็นตัวช่วยไล่ความเย็นที่อยู่ในเส้นลมปราณ ซึ่งตามหลักของแผนจีนเชื่อกันว่า ความเย็นจะทำให้การไหลเวียนของลมปราณติดขัด เมื่อเกิดการติดขัดขึ้น มักส่งผลต่ออาการปวดเมื่อยที่เราเป็นกันอยู่ และเมื่อใช้การครอบแก้วเข้าไปช่วย เพื่อนำความร้อนจากเปลวไฟ ลมปราณในร่างกายจะไหลเวียนได้อย่างปกติเหมือนเดิม ทำให้อาการปวดที่มี บรรเทาลงได้นั่นเอง ถือเป็นหลักการง่ายๆ ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน
วิธีครอบแก้ว
- Hot Cupping จุดไฟบนสมุนไพรที่มีที่รองไว้ บนผิวหนัง แล้ววางถ้วยหนาๆ ครอบลงตาม เพื่อลดอาการปวด หรือ ใช้สำลีจุ่มแอลกอฮอล์แล้วจุดไฟ แล้วลนด้านในถ้วย ให้ออกซิเจนน้อยหน่อยแล้วรีบครอบลงไป การจุดไฟจะเป็นการดึงออกซิเจนออกจากถ้วยทำให้เกิดสุญญากาศ ซึ่งจะดูดทั้งผิวหนัง ไขมัน และยืดกล้ามเนื้อชั้นบนขึ้นมา
- Wet Cupping จะมีการใช้เข็มหนา ๆ จิ้ม 2-3 ที่ใกล้ ๆ กัน ตรงกล้ามเนื้อที่ปวด แล้วครอบแก้วลงไป จะเกิดสุญญากาศและดูดเลือดที่คั่งในกล้ามเนื้อนั้น ๆ ออกมา เพื่อลดปวดอย่างรวดเร็ว
- Dry Cupping จะใช้ถ้วยดูดสุญญากาศแบบมีวาวล์ดึงอากาศออกจากถ้วย จะดึงทั้งผิวหนัง ไขมัน และกล้ามเนื้อขึ้นมาตามปริมาณที่เอาอากาศออก
วิธีครอบแก้วที่นิยมใช้กัน
การครอบแก้วพร้อมกับการเดินแก้ว ลากไปตามเส้นลมปราณ หรือตามกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อ และพังผิด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความปวด เมื่อย ความเจ็บ จากคนที่ได้รับความปวดจากโรคกลุ่มกล้ามเนื้อได้
การครอบแก้ว ในมุมมองของหลักวิทยาศาสตร์
การที่เรานำแก้วไปครอบบริเวณผิวหนัง และผิวหนังถูกดูดด้วยแก้วที่เป็นสูญญากาศ จะทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้น มีการปั๊มเลือดเข้าสู้บริเวณที่ครอบแก้ว ประกอบกับหลอดเลือดฝอยที่ขยายตัวขึ้น ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้รับเลือดออกซิเจนมากขึ้นนั่นเอง ผลที่ตามมาคือ บริเวณที่เราครอบแก้ว จะเกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเองที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการครอบแก้ว
1. ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือที่ผู้ที่สภาพร่างกายอ่อนแอ
ถ้าสภาพร่างกายอ่อนแอเกินไปไม่เหมาะที่จะทำการ ครอบแก้ว เพราะเป็นวิธีการระบายซึ่งจะทําให้คนที่ร่างกายพร่องอยู่แล้ว ยิ่งพร่องมากขึ้น
2. ผู้หญิงที่มีประจำเดือน
ถ้ามีเลือดออกอยู่ แสดงว่าร่างกายใช้เกล็ดเลือดเยอะ เมื่อทำให้ร่างกายเกิดความช้ำอาจทำให้ช้ำมากกว่าปกติและระบมได้ง่าย
3. ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง
โดยเฉพาะมะเร็งที่มีก้อนเนื้อชัดเจน เพราะเลือดไปเลี้ยงตรงบริเวณก้อนมากอยู่แล้ว เพราะถ้าทำการ ครอบแก้ว อาจกลายเป็นว่าไปเร่งให้มะเร็งซึ่งยังไม่กระจายออกไปที่หลอดเลือดกระจายออกไปเร็วขึ้น
4. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
เนื่องจากผิวหนังได้รับแรงดูดขึ้น ทําให้ร่างกายบริเวณนั้นบวมและปวด ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหัวใจ หากได้รับการกระตุ้นแล้วปวดมากไปอาจทําให้เกิดอาการเกี่ยวกับหัวใจเฉียบพลัน หรือโรคหัวใจกําเริบได้
5. ผู้ที่ผิวหนังเป็นแผลเปิด
ผิวหนังบวม อักเสบ หรือติดเชื้อบริเวณผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงินไม่ควรทำ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบที่หลอดเลือดบริเวณใต้ผิวหนังได้
6. หญิงตั้งครรภ์
โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก ไม่ควรครอบแก้วช่วงเอว ท้อง และก้นกบเด็ดขาด เพราะอาจทําให้เกิดภาวะแท้งได้ง่าย
ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล , แพทย์หญิงศรันยา สาครินทร์ และนิตยสารชีวจิต
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ