white colt

หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ   แถลง แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด ผลจากวัคซีน mRNA?

แท่งย้วยขาวในหลอดเลือดจากวัคซีน mRNA ก่ออักเสบทั่วร่าง อาจส่งผลถึงมนุษย์รุ่นต่อไป

 อีกหนึ่งประเด็นร้อนในแวดวงสุขภาพ คือการเปิดเผยของศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ถึงผลการเก็บข้อมูลจากการชันสูตรศพที่เสียชีวิตจากผลกระทบของวัคซีนโควิด ว่ามีการค้นพบ แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด หรือ White Clot

ล่าสุด ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันนำเสนอเรื่องราวในประเด็นดังกล่าวและประเด็นโปรตีนหนามที่เกิดขึ้นได้หลายอวัยวะ รวมไปถึงอัณฑะด้วย บนเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว”

อุบัติการณ์ผลกระทบวัคซีนโควิดทั่วโลก

มีรายงานในวารสารทางการแพทย์พบว่าในกลุ่มประเทศเชื้อชาติฝรั่ง 99 ล้านคน มีรายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้! ผลการศึกษาในรอบ 42 วันหลังฉีดวัคซีน พบกลุ่มที่มีอาการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แบ่งออกเป็น

  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จากวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
  • เนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ จากวัคซีน แอสตร้าเซเนก้า และโมเดอร์นา
  • อาการปลอกประสาทอักเสบเฉียบพลัน จากวัคซีน โมเดอร์นา
  • ภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน จากวัคซีน แอสตร้าเซเนก้า
  • กิแลง บาร์แร ซินโดรม (โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ทำความรู้จักโรคนี้ คลิก ) จากวัคซีน แอสตร้าเซเนก้า

สำหรับในประเทศไทย มีงานวิจัยสำรวจผลหลังการฉีดวัคซีน mRNA 14 วัน ในกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยม พบว่า มีเด็กและเยาวชนไทย ได้รับผลกระทบจากวัคซีนทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือ เนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ มากกว่าที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยา สูงถึง 23,100%”

ซึ่งจากประเด็นนี้ คุณหมอได้มีความคิดเห็นส่วนตัวว่า อาจจะมีอาการผลข้างเคียงของวัคซีนฉุกเฉินมากกว่าที่เคยมีการวิจัยค้นพบ และอาจมีอาการหรือโรคที่เกิดขึ้นหลังจาก 42 วันหลังฉีดวัคซีน ซึ่งคุณหมอได้เคยนำเสนออาการหลังฉีดวัคซีนที่พบได้ในประเทศไทย เช่น อาการกล้ามเนื้อกระตุก ตาเห็นภาพซ้อน เกิดอาการเกร็งตามใบหน้าและคอ ตาเข ไตวายเฉียบพลัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต สมองเสื่อม ฯลฯ

“โปรตีนหนามพิษ” ตัวร้าย ก่ออักเสบทั่วร่าง

กลไกหลังจากที่วัคซีน mRNA เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิด โปรตีนหนามพิษ โดยโปรตีนหนามพิษนี้จะล่องลอยในกระแสเลือดได้นานถึงหนึ่งเดือน ด้วยอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนไขมัน จึงแทรกซึมไปได้ในทุกระบบ ทุกอวัยวะ และทุกเส้นเลือด จึงทำให้เกิดการอักเสบได้ทั่วร่างกาย และโปรตีนหนามพิษจะบังคับให้เซลล์สร้างโปรตีนหนามพิษอย่างต่อเนื่อง

ผลจากการชันสูตรผู้ที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย พบว่ามีโปรตีนหนามพิษเหล่านี้ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบโปรตีนหนามพิษเหล่านี้ยังทำให้หลอดเลือดเกร็งตีบ หรือในบางรายอาจ เกิด หลอดเลือดตัน หรือ หลอดเลือดรั่ว

ซึ่งปรากฏการณ์โปรตีนหนามพิษ นี้เกิดจากการพัฒนาวัคซีน และกระบวนการผลิต ที่มีการเปลี่ยนกรดนิวคลีโอไทด์ เพื่อให้วัคซีนคงทน ไม่ถูกระบบภูมิคุ้มกันทำลาย

โปรตีนที่ไม่ต้องการก่อกำเนิด แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด

นอกจากโปรตีนหนามพิษแล้ว วัคซีน mRNA ยังอาจก่อให้เกิด “โปรตีนที่ไม่ต้อง” เป็นโปรตีนเอมิลอยด์ แบบบิดเกลียว ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผิดปกติ เกิดจากการที่ร่างกายแปรรหัสผลกระทบจากวัคซีนผิดพลาด จนเกิดการสร้างโปรตีนที่ไม่ต้องการ โดยมีชื่อกระบวนการนี้ว่า frameshift

แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด

โปรตีนผิดปกตินี้ อาจมีลักษณะคล้ายกับโปรตีนปกติทั่วไปในร่างกายมนุษย์ จึงทำให้มีโอกาสแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ร่างกาย และสั่งให้ร่างกายสร้างโปรตีนที่ผิดรูปแบบ และทำให้เกิดโรคต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว ร่างกายสามารถขจัดเซลล์เหล่านี้ได้

แต่ … หลังจากรับวัคซีน mRNA ไปแล้ว กลไกร่างกายที่จะขจัดโปรตีนผิดปกติเหล่านี้ทำงานผิดเพี้ยนไป!

หากมีการสะสมของโปรตีนผิดปกติเหล่านี้ในร่างกายจะทำให้เกิด

  • จะทำให้เซลล์ในร่างกายตาย
  • หากเข้าสู่สมอง จะทำให้สมองเสื่อม
  • กระตุ้นให้ร่างกายอักเสบ นำไปสู่โรคมะเร็ง ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง โรคหัวใจ เป็นต้น

และหากโปรตีนที่ไม่ต้องการนี้เข้าสู่หลอดเลือด ก็จะหล่อตัวเองจนกลายเป็น แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด หรือ White Clot นั่นเอง

แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด เกิดก่อนการเสียชีวิต

จากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่า แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด เหล่านี้เกิดขณะยังมีชีวิต และอาจแปลได้ว่าเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งตรงกับความเห็นของ นายแพทย์วิชาญ เกิดวิชัย คณบดีกิตติคุณ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดเส้นประสาท ซึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่า

“Clot (ก้อนที่อุดตัน)ที่เกิดหลังเสียชีวิต จะไม่เรียกว่า White Clot แต่อาจจะเป็น Red Clot (ก้อนสีแดง) หรือสีออกเหลือง เป็นแบบ Chicken fat “

นายแพทย์วิชาญ เกิดวิชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดเส้นประสาท

White Clot หรือ แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด เป็นสิ่งที่ใช้เรียกก้อนอุดตันที่เกิดในหัวใจหรือเส้นเลือดก่อนตาย เกิดจากการเกาะตัวของเกร็ดเลือด องค์ประกอบการจับแข็งตัวของลิ่มเลือด (Clotting Factors), รวมถึงไฟบริน (Fibrin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดไม่ละลายในน้ำ มีลักษณะคล้ายเส้นใยที่เกิดขึ้นเมื่อผนังหลอดเลือดเสียหาย

แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด

หากตัดส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่ามีลักษณะเป็นชั้นๆ โดยที่การสะสมของเกร็ดเลือดและไฟบรินจะให้ลักษณะเป็นสีขาว ซึ่งแตกต่างจาก Clot ที่เกิดหลังการเสียชีวิต ที่อาจเป็นสีแดง หรือสีเหลือง

นอกจากนั้นนายแพทย์วิชาญ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในผู้ป่วยโควิดที่มีอาการรุนแรง หรือมีอาการหลังฉีดวัคซีนรุนแรง หรือเสียชีวิต มีสมมุติฐานว่าอาจเกิดจากภาวะ DIC (disseminated intravascular coagulation) เป็นภาวะที่เลือดแข็งตัวในหลอดเลือด จากปฏิกิริยารุนแรงของการทำงานของภูมิคุ้มกัน

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นำเสนอสถิติการเก็บข้อมูล worldwide enbalmer blood clot survey ( United States, Canada, United Kingdom, Australia) ที่ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงมกราคม 2567 โดย Thomas Haviland

เป็นจากการเก็บข้อมูลจาก ช่างดองศพจำนวน 269 ราย ที่มีประสบการณ์การทำงาน ตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป จนถึงมากกว่า 20 ปี จึงนับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและสามารถวิเคราะห์สิ่งผิดปกติได้ พบว่า

ในปี 2566 พบศพที่มีแท่งสีขาวนี้ 20% จากช่างดองศพ 197 คน

ในปี 2565 พบศพที่มีแท่งสีขาวนี้ 300%

เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่เคยพบลักษณะนี้มาก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด และก่อนหน้าที่จะมีการใช้วัคซีนโควิด หรือก็คือ ทั้งหมดพบในช่วงประมาณปี 2564 เป็นครั้งแรก

ผลกระทบของ แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด White Colt

นายแพทย์ธีระวัฒน์ กล่าวถึงแท่งย้วยนี้ว่า “เหมือนถูกหล่อมาจากเส้นเลือด จึงมีลักษณะเป็นแท่ง เป็นเส้น ยืดหยุ่นมีความยาวเป็นฟุต ไม่เหมือนกับปกติที่พบหลังการตาย ที่จะมีหลายลักษณะตามระยะเวลาหลังจากที่เสียชีวิต” จึงทำให้สรุปความสำคัญของแท่งย้วยสีขาว นี้ได้ว่า

  • องค์ประกอบ ของแท่งย้วยขาว ที่ส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์มีความผิดปกติ!
  • ปริมาณศพ ที่มีแท่งย้วยนี้ มีจำนวนมากผิดปกติ
  • พบในคนที่ยังมีชีวิต และอาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิต

นอกจากนั้นแล้วทั้งโปรตีนหนาม และโปรตีนอมิลอยด์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของแท่งย้วยสีขาว ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่าง เป็นการอักเสบเรื้อรัง ในโรคสมองเสื่อม รวมถึง ม้าม ต่อมน้ำเหลือง อัณฑะ ต่อมลูกหมาก และตามผนังหลอดเลือด และหลอดเลือดหัวใจด้วย

อีกทั้งแท่งย้วยสีขาวนี้ “มีความเหนียวไม่ขาดง่าย ไม่ได้ถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์ใดในร่างกาย และไม่ถูกละลายด้วยยาละลายลิ่มเลือด” เป็นลักษณะเดียวกับที่แพทย์ที่ประเทศแอฟริกาใต้ได้พบเจอเช่นกัน

ความน่ากลัวคือ อาจส่งผลต่อมนุษย์รุ่นถัดไป!

ด้วยความที่การอักเสบนี้ไปได้แทบจะทุกอวัยวะของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสมอง ม้าม และต่อมน้ำเหลือง โดยมีการก่อตัวคล้ายมะเร็ง จึงพบหลอดเลือดในม้ามอักเสบและก่อตัวหนา ซึ่งคล้ายกับที่พบจากปฏิกิริยาในโรคภูมิคุ้มกันแปรปรวนและมีเนื้อม้ามอักเสบตาย และเนื้อของต่อมน้ำเหลืองตาย พร้อมกับพบแท่งดังกล่าวอยู่ใกล้ผนังเส้นเลือดและในหลอดเลือดด้วย

อีกสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมากคือ ความผิดปกติที่เล็กระดับนาโนนี้ หากอยู่ในเซลล์อัณฑะ หรือต่อมลูกหมากได้ จะส่งผลเช่นไรต่อ เด็กที่เกิดจากอสุจิของชายที่มีโปรตีนหนาม หรือโปรตีนอะมิลอยด์ และเด็กในอนาคตจะเติบโตมาเป็นมนุษย์ในสภาพใด?

ทั้งนี้นายแพทย์ธีระวัฒน์ ยังได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “กลไกนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและกลายเป็นนวัตกรรมสูงสุดที่กลายเป็นทำให้เจ็บป่วยตายและเกิดขึ้น แม้แต่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายไปแล้วนานไปอย่างน้อยครึ่งปีก็ตาม“

เรื่องและภาพ : Facebook Fanpage ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.