6 วิตามินและเกลือแร่เพิ่มพลังสมอง
1. ไทอะมีน (บี 1)
วิตามินในกลุ่มนี้จำเป็นสำหรับสมองทั้งสิ้นโดยเฉพาะไทอะมีนที่พบในสมองและเนื้อเยื่อประสาท งานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน The Journal of International Medical Research ยืนยันว่า ไทอะมีนช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อประสาท และหากขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการความจำสับสนแบบเดียวกับพวกที่ติดเหล้าและเรียนรู้ช้า
2. กรดโฟลิก (บี 9)
หรือที่รู้จักกันดีในนามโฟเลต ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลากหลาย เช่น ผักโขม แอสพารากัส ถั่วเลนทิล โดยร่างกายจะสะสมโฟเลตไว้ในตับ ฉะนั้นหากตับเกิดอาการผิดปกติหรือถูกทำลายขึ้นมา ร่างกายจะขาดวิตามินชนิดนี้ ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการรวมตัวของกรดแอมิโนและการทำงานของเนื้อเยื่อประสาท กรดโฟลิกจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อร่างกายได้รับวิตามินบีชนิดอื่นๆ อย่างครบถ้วน หากขาดกรดโฟลิกจะทำให้เด็กขาดพัฒนาการ เพราะกรดโฟลิกมีหน้าที่พัฒนาสมองส่วนความจำ อย่างไรก็ตาม จากการทดลองในหนูทดลองพบว่าความจำจะดีขึ้นหากกินกรดโฟลิกต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
3. กรดแอสซอร์บิก (วิตามินซี)
นักวิทยาศาสตร์พบวิตามินตัวนี้มีความเข้มข้นที่สุดในสมองส่วนพิทูอิทารี (400 มิลลิกรัม / กิโลกรัม) วิตามินซีจำเป็นต่อการรวมตัวกันของสารโดพามีนในสมอง ส่วนนิวโรทรานสมิตเตอร์ และช่วยปกป้องสมองไม่ให้เครียดเพราะการออกซิเดชั่น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสะสมวิตามินชนิดนี้ในร่างกายได้ มาโยคลินิกจึงแนะนำให้กินอาหารที่มีวิตามินซี เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีวันละ 90 มิลลิกรัม

4. แคลเซียม
แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่สำคัญระดับต้นๆ ในการทำงานของสมอง มีหน้าที่หลักในการสื่อเซลล์ประสาท ช่วยควบคุมการทำงานของนิวโรทรานสมิตเตอร์ และควบคุมความตื่นเต้นเพราะแคลเซียมเป็นส่วนหนึ่งของกระดูก จึงไม่ค่อยมีใครมีปัญหาขาดแคลเซียมในการทำงานของสมอง อย่างไรก็ตาม หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย
5. แมกนีเซียม
มีบทบาทสำคัญในการทำให้วิตามินบีหลายชนิดทำหน้าที่ของมันเอง ว่ากันตามจริง หากขาดแมกนีเซียม ร่างกายจะนำวิตามินหลายชนิดมาใช้กับสมองไม่ได้ จากการทดลองใน หนูทดลองพบว่า แมกนีเซียมช่วยสร้างเสริมความทรงจำระยะยาวอย่างไรก็ตาม แคลเซียมและแมกนีเซียมจะมีบทบาทในการควบคุมความตื่นเต้นในระบบประสาท ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินทั้งสอง ชนิดนี้จะส่งผลต่อการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
6. สังกะสี
พบสังกะสีในสมองส่วนหน้า แม้นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองอาจยังไม่พบข้อมูลว่าสังกะสีเข้าไปมีบทบาทสำคัญอย่างไรกับสุขภาพสมอง แต่การขาดสังกะสีก็ทำให้การทำงานของสมองและสุขภาพจิตลดลง เช่น พบว่าผู้ป่วยพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ขาดธาตุสังกะสี

กิงโกะบิโลบา ชะลอสมองเสื่อม
พรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์ (Prefrontal cortex) คือส่วนที่อยู่ด้านนอกที่ห่อหุ้มสมองบริเวณส่วนหน้าที่เรียกว่าฟรอนทัลโลบ (Frontal lobe) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การออกเสียง ความคิด สติปัญญา บุคลิก อารมณ์ ความรู้สึกโดยวารสาร Indian journal of psychiatry อธิบายว่า พรีฟรอนทัลคอร์เท็กซ์มีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำ เรียกฟื้นความทรงจำที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับการสื่อสารด้วยคำพูดความสามารถในการวางแผน มีบทบาทในการควบคุมการพูด การเล่าเรื่อง การพูดด้วยท่าทางคล่องแคล่วฉะฉาน
กิงโกะบิโลบา (Ginkgo Biloba) หรือสารสกัดจากใบแปะก๊วย มีผลช่วยเสริมประสิทธิภาพของสมองส่วนนี้ โดยวารสาร Advances in experimental medicine and biology พบว่า การกินกิงโกะบิโลบาวันละ 120 มิลลิกรัมต่อเนื่อง 6 สัปดาห์มีผลช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ส่วนพรีฟรอนทัล คอร์เท็กซ์ โดยช่วยให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่สมองเริ่มเสื่อมถอยตามวัยมีความจำดีขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland Medical Center) ยังให้ข้อมูลว่า กิงโกะบิโลบาช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าสู่สมอง มีส่วนช่วยปกป้องเซลล์สมอง และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer disease) ทั้งมีผลช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง และมีผลดีต่อกระบวนการคิดและความจำของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมซึ่งเกิด จากโรคหลอดเลือดสมอง (vascular dementia) อีกด้วย
แม้จะเลือกกินอาหารเสริม แต่ก็อย่าลืมกินข้าวกล้อง ปลาทะเล ผักใบเขียว และผักผลไม้หลากสีเป็นประจำ เพราะช่วยให้สมอง จิตใจและร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างแท้จริง
จาก คอลัมน์มื้อสุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 441
บทความน่าสนใจอื่นๆ
สูตรกินวิตามินบำรุงสมอง สำหรับทุกช่วงวัย