สิวในวัยรุ่น, สิว, เป็นสิว, รักษาสิว, แก้สิว

วิธีรับมือ สิวในวัยรุ่น ฮอร์โมนวัยเจริญพันธุ์กับปัญหาผิวหน้า

สิวในวัยรุ่น เมื่อปัญหาผิวเกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมน

ช่วงนี้มีคำถามจากทางบ้านเข้ามาถึงแพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข เกี่ยวกับปัญหา สิวในวัยรุ่น วันนี้คุณหมอจึงจะมาอธิบายถึงสาเหตุและวิธีรับมือปัญหาผิวดังกล่าวให้ผิวสดใสเปล่งปลั่ง ไร้สิวมากวนใจ

ปัญหาผิวจากทางบ้าน

ตอนนี้ลูกสาวอายุ 16 ปี ประจำเดือนมาไม่ค่อยสม่ำเสมอและมีปัญหาสิวอักเสบ แม้จะพาไปรักษาที่คลินิกผิวหนังแล้ว แต่ก็ยังไม่หาย มีคนบอกว่าเป็นเพราะเลือดไม่ดี แนะนำให้กินยาบำรุงเลือด จึงอยากทราบว่า ควรให้ลูกกินยาหรือดูแลตัวเองอย่างไร  เพื่อแก้ปัญหาประจำเดือนและสิวในวัยรุ่น

ความเห็นของแพทย์

จดหมายฉบับนี้ทำให้คิดถึงตนเองและเพื่อนๆสมัยวัยรุ่น ตอนนั้นเรามีสโลแกนปลอบใจตัวเองว่าวัยรุ่นต้องมีสิว แต่ในความเป็นจริงคนมีสิวจะอิจฉาเพื่อนๆที่ไม่มีสิว

สิวเม็ดแรกๆมักจะผุดขึ้นหลังจากมีประจำเดือนไม่นาน โดยขึ้นอยู่กับพันธุกรรมด้วย หากพ่อแม่พี่น้องเรามีสิว เราก็จะมีสิว และเพื่อนผู้หญิงมักมีสิวน้อยกว่าเพื่อนผู้ชาย

ในสมัยนั้นยังไม่มีคลินิกผิวหนังและคลินิกเสริมความงามมากมายเหมือนปัจจุบัน บางคนมีสิวปูดโปนเต็มหน้า พอหายแล้วก็มีแผลเป็นเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งเกิดจากเมื่อเป็นสิวก็จะชอบส่องกระจก บีบสิวให้มันแตกโป๊ะกระจาย แล้วจะรู้สึกสะใจ จึงมีแผลเป็นตามมา

สิว, สิววัยรุ่น, สิวจากฮอร์โมน, รักษาสิว, เป็นสิว, แก้สิว
หลีกเลี่ยงการกินยาสตรี เพื่อรักษาสิว เพราะอาจให้ประจำเดือนมามากผิดปกติ

เนื่องจากการพบแพทย์เป็นเรื่องไกลตัวของคนเมื่อ 40-50 ปีก่อนเวลาเป็นหวัด ท้องเสีย หรือเป็นสิว ก็ไม่มีใครหาหมอกันหรอกเมื่อเพื่อนๆเป็นสิวมักจะซื้อครีมรักษาสิวมาใช้ โดยครีมเหล่านี้มักจะมีชื่อขึ้นต้นว่าครีมไข่มุกตามด้วยชื่อยี่ห้อ แต่ผิวหน้าของคนที่ใช้ครีมประเภทนี้จะขาวและบางผิดปกติ ตอนแรกก็ดูสวยดี แต่พอใช้ไปนานๆหน้าจะบางจนเห็นเส้นเลือด ต่อมาจะกลายเป็นสีคล้ำดูน่ากลัว

พอได้เป็นหมอ ฉันจึงรู้ว่าครีมเหล่านั้นคงผสมสารต้องห้าม เช่น สารปรอท จึงทำลายผิวในภายหลัง ตอนวัยรุ่นเมื่อตนเองเป็นสิว ด้วยความกลัวหน้าบางแดงจึงพยายามใช้วิธีโบราณ คือ เอากำมะถันมาตำผสมน้ำมะนาวทาหน้าเช้า – เย็น ผลที่เกิดขึ้น คือ หน้าบวม เห่อ และแสบสุดๆ ที่สำคัญคือ สิวไม่หาย ทำได้ไม่กี่ครั้งก็ทนแสบไม่ไหวจึงเลิกทำไป แม้เพื่อนๆจะคอยห้ามแกะ ห้ามบีบสิว แต่มันห้ามยาก เพราะใช้วิธีบีบรักษาสิวด้วยตนเอง ผลที่ได้คือ เมื่อโตขึ้นยังคงมีรอยแผลเป็นสิวเหลืออยู่

หลังจากผู้เขียนอายุ 20 ปี สิวจึงค่อยๆหายไปเอง ตอนแรกเข้าใจว่าเพราะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ต้องว่ายน้ำกลางแดดเปรี้ยง เลยทำให้สิวที่หลังค่อยๆแห้งเกรียมและหลุดลอกก่อน ต่อมาสิวที่หน้าก็ค่อยๆหาย เมื่ออายุ 24 ปีก็ไม่มีสิวเหลืออีกแม้แต่เม็ดเดียวตอนนั้นละจึงเข้าใจว่าสิวเป็นเรื่องของวัยรุ่นจริงๆ

หากดูจากอุบัติการณ์การเกิดสิวในชายและหญิง พบว่า

อายุ 20 – 29 ปี ประมาณครึ่งของชาย-หญิงมีสิว โดยชายเกิดสิวร้อยละ 43 และหญิงเกิดสิวร้อยละ 51

อายุ30-39 ปี ชายเกิดสิวร้อยละ 20 และหญิงร้อยละ 35

อายุ40-49 ปี ชายเกิดสิวร้อยละ 12 และหญิงร้อยละ 26

อายุ 50 ปีเป็นต้นไป  ไม่ค่อยพบสิว ชายเกิดสิวร้อยละ 7และหญิงร้อยละ 15

สำหรับจดหมายที่ถามมา หากเป็นเมื่อ 40 ปีก่อนคงตอบว่า เรื่องสิวเป็นเรื่องธรรมชาติ โตมาก็หายเอง แต่ในปัจจุบันเป็นเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งไปรักษากับคลินิกผิวหนังก็ไม่หาย จึงต้องใช้วิธีดูแลตนเอง

ความรู้เรื่องการเกิดสิวในการแพทย์แผนปัจจุบันพบว่า เกิดจากการที่ต่อมรูขุมขนหนาตัว (Follicular hyperkeratinization) เพิ่มการสร้างไขมันในรูขุมขน (Sebum) และมีการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรคทำให้เกิดการอักเสบ สิวไม่ได้เกี่ยวกับเลือดไม่ดี การกินยาบำรุงเลือดหรือธาตุเหล็กจึงไม่ได้ทำให้สิวหาย หลายคนหันไปกินยาสตรีหรือยาบำรุงที่มีฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งก็อาจทำให้สิวลดลง แต่การได้รับฮอร์โมนเพศหญิงในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดปัญหาประจำเดือนมามากหรือปวดประจำเดือนได้ จึงไม่ควรกินยาสตรีเพื่อรักษาสิว

สิวในวัยรุ่น, สิว, เป็นสิว, แก้สิว, รักษาสิว
บีบหรือแกะบริเวณที่เป็นสิว จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น และจุดด่างดำ

ข้อแนะนำการรักษาสิวในวัยรุ่นมีดังนี้

1. ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเครียด มองสิวในแง่บวก สิวเป็นเรื่องของพันธุกรรม ในบางคนที่พ่อแม่เป็นสิว ลูกก็มักจะมีสิวให้เห็น ตามสโลแกนที่ว่า สิวเป็นเรื่องของวัยรุ่น พ้นวัยนี้ก็จะไม่มีสิว

2. นอกจากนั้นยังมีปัจจัยภายนอก ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว จึงควรปฏิบัติดังนี้

– หากน้ำหนักตัวมาก ควรลดน้ำหนัก

– งดเว้นการขัดผิวหน้าอย่างรุนแรงหรือการล้างมากเกินไปเพราะจริงๆแล้วไขมันอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง การกระทำดังกล่าวจึงไม่ทำให้สิวลด แต่อาจจะทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้น

– ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด อาหารหวานจัดและควรกินผักผลไม้ให้เพียงพอ ไม่ให้ท้องผูก

– ลดความเครียด จากงานวิจัยพบว่า ความเครียดสัมพันธ์กับการเกิดสิวชนิดรุนแรง โดยเฉพาะในวัยรุ่นชายมีโอกาสเกิดสิวมากกว่าวัยรุ่นหญิง การออกกำลังกายและการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยลดความเครียดได้

3. ลดฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน เนื่องจากฮอร์โมนเพศชายเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว ตั้งแต่การหนาตัวของต่อมรูขุมขน การสร้างไขมันในรูขุมขน ทำให้เชื้อโรคเพิ่มจำนวน เพิ่มการอุดตันของรูขุมขน อย่างไรก็ตาม ในหญิงที่มีสิวมักมีอาการของฮอร์โมนเพศชายสูงชัดเจน เช่น หน้ามัน ขนดก มีหนวดมีเครา เสียงแหบ ไม่ควรรักษาเอง เพราะอาการที่เป็นอาจเกิดจากโรคที่ทำให้เกิดการผลิตฮอร์โมนเพศชายสูง จึงควรพบแพทย์

4. กรณีที่เป็นมากควรพบแพทย์ หากรักษาตนเองแล้วไม่ดีขึ้น เกิดความอายจนไม่อยากเข้าสังคมและมีปัญหาทางจิตใจ

การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด แม้มียาลดฮอร์โมนเพศชายอยู่หลายชนิดแพทย์ก็มักจะแนะนำให้กินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมในวัยรุ่นหญิงที่เป็นสิว เพราะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงและช่วยปรับประจำเดือนให้มาตามปกติ

ฮอร์โมนเพศหญิง (Ethinyl Estradiol) ในยาคุมกำเนิดทำให้ผิวพรรณดี ลดสิว เพราะไปกดการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง จึงช่วยลดฮอร์โมนเพศชายเทสทอสเทอโรน (Testosterone) ได้

ส่วนฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน เช่น ไซโพรเทอโรนแอซิเทต (Cyproterone Acetate) โคลมาดิโอนแอซิเทต (Chlomadione Acetate) โดรสไพรีโนน (Drospirenone) ดีโซเจสทรีล (Desogestrel) เจสโทดีน (Gestodene) ในยาคุมยี่ห้อไดแอนบีลาร่า ยาส ยาสมิน ออยเลซ เมลลิแอน มีคุณสมบัติช่วยต้านฮอร์โมนเพศชาย โดยต้องกินอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลในการรักษาสิว

แต่งานวิจัยในปัจจุบันยังไม่สรุปชัดเจนว่ายาคุมยี่ห้อใดลดสิวได้ดีกว่ากัน


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลดสิว วัยทำงานด้วย 4 ท่าโยคะ

รักษาสิว ด้วยการออกกำลังกายท่าก้มตัว

7 สมุนไพรแก้ร้อนใน ดับร้อน ป้องกันสิวเห่อ

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.