ข้าวหอมมะลิ แห่งทุ่งกุลาร้องไห้ เมืองหลวงข้าวหอมมะลิโลก
เวชสำอาง มหัศจรรย์ข้าวหอมมะลิ
“ผมเป็นนักทดลอง ขายความคิด ขายการวางแผน เป็นคนออกแบบการทำนาที่ไม่เหมือนใคร” สว่าง สุขแสง ชาวบ้านสำราญ ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด เอ่ยถึงคุณสมบัติส่วนตัวที่เขากล้ายืนยันว่าไม่มีใครเหมือน เพราะเขาวางแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวมาตั้งแต่เริ่มต้น จนวันนี้ความสำเร็จเริ่มมองเห็นแล้ว
“ผงพอกหน้าข้าวหอมมะลิ เป็นสมุนไพรมหัศจรรย์จากจมูกข้าวแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ อุดมไปด้วยวิตามินดี และมีส่วนผสมสมุนไพรหลากหลายจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารผิวอย่างดี ช่วยปรับให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า บำรุงผิวหน้าให้อ่อนเยาว์อยู่เสมอ”
เป็นข้อความที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “ผงพอกหน้าข้าวหอมมะลิ” ปะยี่ห้อว่า “กุลา” ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของผู้ชายชื่อสว่าง ซึ่งเขาบอกว่า คิดค้น และลองลองผิดลองถูกมานานถึง 7 ปีกว่าจนมั่นใจ แล้วทำเป็นสินค้าออกขาย
ผลิตภัณฑ์แรกอย่างผงพอกหน้าหรือโคลนนั้น สว่าง บอกว่า เมื่อผ่านกระบวนการทำแล้ว จะได้ผงแป้ง ข้าวหอมมะลิ จากนั้นนำไปผสมกับสมุนไพรพื้นบ้าน ประกอบด้วย พญายา (ทานาคา), ฟ้าทะลายโจน, กาวเครือขาว, ว่านนางคำ, ไพล, เสลดพังพอน, กรุงเขม่า เป็นต้น ก่อนจะให้สมุนไพรชนิดสำคัญคือ เครือหมาน้อย เป็นตัวสร้างเจลาติน ทำให้ผงจับเป็นก้อน สามารถนำไปพอกหน้าได้
“สรรพคุณเป็นที่รู้กันว่า เมื่อพอกแล้วจะทำให้รอยตีนตาตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” สว่าง ว่าแบบนั้น และให้เหตุผลว่า เพราะในแป้งข้าวหอมมะลิมีวิตามินอี สูง นั่นเอง และเมื่อถามถึงผลกำไรที่ได้จากการแปรรูป ข้าวหอมมะลิ จนได้ผลิตภัณฑ์อันน่าทึ่งนี้ สว่าง ตอบอีกว่า มากกว่า 100% เพราะต้นทุนไม่ถึงร้อยบาท
เมื่อผงพอกหน้าหรือโคลนออกมาได้ระยะหนึ่ง และมีเสียงตอบรับที่ดีมาก แต่ก็มีบางคนบอกว่าเสียงเวลา ขี้เกียจพอก สว่างจึงกลับมาคิดอีกครั้ง ว่าจะทำอะไรต่อไปดี สุดท้ายมาได้ทำตอบที่เซรั่มหรือผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวและลดริ้วรอยจากข้าวหอมมะลิงอก (Jasmine Rice Essence) ปะยี่ห้อว่า Esana หรือถ้าจะบรรยายไทยก็ได้ออกเสียงว่า อีสานนะ
ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวและลดริ้วรอยจากข้าวหอมมะลิงอกได้จากการนำข้าวเปลือกหอมมะลิ มาทำกระบวนการงอกในน้ำสะอาด ให้ได้ต้นอ่อนยาว 1 เซนติเมตร และรากยาว 3 เซนติเมตร แล้วนำไปบดให้ละเอียดทั้งเปลือก เสร็จแล้วหมักไว้ 24 ชั่วโมง กรองเอากากออก นำไปต้มให้เดือด ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วแช่เย็น แล้วนำออกมาปั่นผสมกับส่วนประกอบของเครื่องสำอางชนิดต่างๆ จนได้เซรั่มสำหรับทาผิว
“ตลาดยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก มีลูกค้าบางคนเท่านั้นที่สั่งซื้อเป็นประจำ อีกอย่างเราก็ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งเราคงต้องพัฒนากันต่อไป” สว่าง ว่าแบบนั้น แต่สำหรับความเป็น “นวัตกรรม” แล้ว ถือว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากข้าวหอมมะลินี้ เป็น “ทางออก” ของเกษตรกรที่น่าสนใจมากทีเดียว
ดังข้อความหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ที่เขียนไว้ว่า
“…ต้องการแก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรจึงร่วมกันพัฒนาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวหอมมะลิอินทรีย์ปลอดสารพิษของชาวทุ่มกุลาร้องไห้จังหวัดร้อยเอ็ด สร้างผลิตภัณฑ์ผงพอกหน้ามาช่วยจุนเจือรายได้ในครอบครัวอีกช่องทางหนึ่งในการยังชีพระหว่างว่างเว้นจากการทำนาและยังเป็นการช่วยขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนภายใต้ปรัชญาเกษตรพอเพียงอีกด้วย”
หากทั้งสองผลิตภัณฑ์กระจายสู่วงกว้างได้ ก็น่าจะสมความตั้งใจของกลุ่มเกษตรกรภายใต้ชื่อ ทุ่งกุลาอินเตอร์เทรด ที่มีสมาชิกทั้งหมด 36 คนได้เป็นอย่างดี