อาหารชีวจิต ชุบชีวิตผู้ป่วย ช่วยแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์
นานมาแล้ว เคยได้ยินคนพูดกันว่า อาหารชีวจิต นั้นคล้าย “อาหารนก” คือ กินแต่ ข้าว ข้าวฟ่าง ถั่ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาหารชีวจิตห่างไกลจากอาหารนกอย่างเหลือเกิน เป็นอาหารธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพและอร่อยเลิศ
ชีวจิต&แมคโครไบโอติกส์…พี่น้องกัน
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ได้เคยอธิบายถึงที่มาของแนวคิด อาหารชีวจิต ไว้ในหนังสือ ชีวจิต การใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติ สรุปว่า
อาหารชีวจิตคือ อาหารแมคโครไบโอติกส์ (Macrobiotics)ที่นำมาปรับให้เข้ากับอาหารของคนไทยนั่นเอง ต้นตำรับดั้งเดิมของอาหารประเภทนี้เป็นอาหารแบบญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อกันว่าให้ผลดีอย่างมากต่อสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ โดย จอร์จ โอซาวา คือผู้คิดค้นหลักโภชนาการนี้ขึ้นมา
ตอนที่จอร์จ โอซาวา ยังเป็นเด็ก เขาป่วยสารพัดโรค ทั้ง หอบหืด และวัณโรค ต่อมาเขาได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในวัดเซน และกินอาหารอย่างเดียวกับที่พระเซนฉัน ปรากฏว่า ร่างกายกลับแข็งแรง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังพบว่า อาหารแบบนี้เป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคด้วย
จริงๆ แล้วแมคโครไบโอติกส์เป็นการนำข้อดีระหว่างวิถีแห่งตะวันออกกับวิถีแห่งตะวันตกผสมผสานกัน บนพื้นฐานของการมีชีวิตสอดคล้องกับธรรมชาติรอบตัว และจักรวาล ซึ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยมีเงื่อนไขสำคัญสองข้อ คือ อาหารที่เราบริโภคเข้าไปทุกวัน กับวิถีชีวิตและพฤติกรรมของตัวเอง
หลักการกินอาหารแมคโครไบโอติกส์มีอยู่ว่า จงกินอาหารหลักที่มีอยู่ในท้องถิ่น เป็นเมล็ดข้าวหรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เพื่อให้คุณค่าที่มีอยู่มากเกินในเมล็ดข้าวนั้นไม่สูญเสียไปกับการขัดสี เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ กินอาหารที่มีอยู่ตามฤดูกาล เพราะพืชผักผลไม้ที่ออกดอกออกผลในแต่ละฤดูกาลนั้น จะทำให้ร่างกายเรามีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่อากาศเปลี่ยนแปลงได้พอดิบพอดี
นอกจากกินข้าวไม่ขัดสีแล้ว แมคโครไบโอติกส์ยังกำหนดให้กินน้ำแกงจืด วันละ 1-2 ถ้วย กินผักวันละ 25-30 เปอร์เซ็นต์ และควรปรุงด้วยวิธีนึ่ง ลวก อบ ต้ม ถ้าจะผัดให้ใช้น้ำมันน้อยที่สุด
ส่วนของหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายขาวนั้น เป็นของต้องห้ามเชียว ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ให้กินผลไม้ได้นิดหน่อยหรือใช้น้ำตาลทรายแดงเมื่อจำเป็น อาหารที่กินได้เป็นครั้งคราวได้แก่ ปลา อาหารทุกชนิดควรปรุงรสอ่อน ส่วนอาหารที่ควรงดคือ เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ หมู ไก่ รวมถึง ขนมและเครื่องดื่มที่ผลิตจากน้ำตาลทุกชนิด
