งาดำ Super Food ไทยราคาถูก กระดูกแข็งแรง ผมเล็บสวยเลิศ
เรามักได้พบสบตากับหลากผลิตภัณฑ์ที่มี งาดำ เป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างดัง ร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพเล็กๆ หรือกระทั่งร้านสะดวกซื้อ
แต่ก่อนที่จะหยิบผลิตภัณฑ์เหล่านั้นใส่ตะกร้า มาฟังวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีงาดำเป็นส่วนผสมให้ได้ประโยชน์สูงสุดกันสักนิดค่ะ
กินงาดำอย่างไรได้ประโยชน์
งาดำอบหรือคั่วจะมีสารอาหารมากกว่างาดำดิบที่สำคัญ ควรบดให้ละเอียด เพราะเยื่อหุ้มเมล็ดงาเหนียวและทนต่อน้ำย่อย การบดให้ละเอียดช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากงาดำได้ดี จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ผสมงาดำที่ใช้งาดำอบหรือคั่วและผ่านการบดผสมในผลิตภัณฑ์ เช่น ผงโรยข้าวจากงาดำบด นมถั่วเหลืองผสมงาดำบด ฉะนั้นงาดำทั้งเมล็ดที่โรยบนคุกกี้หรือขนมชนิดต่างๆ จึงให้ประโยชน์น้อยกว่า
ทั้งนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก งานวิจัยเรื่องการพัฒนาขนมขบเคี้ยวแผ่นแป้งกรอบผสมงาดําจากวารสารวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ซึ่งบอกลักษณะขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพไว้อย่างละเอียด โดยนอกจากมีส่วนผสมของงาดำที่ดูดซึมง่าย ควรมีพลังงานไม่เกินมื้อละ 150 กิโลแคลอรี มีส่วนผสมของไขมันหรือน้ำมันไม่เกิน 2.5 กรัม น้ำตาลไม่เกิน 12 กรัม และเกลือโซเดียมไม่เกิน 100 มิลลิกรัม
รวมทั้งควรมีสารอาหารสําคัญไม่น้อยกว่า 2 ชนิดเช่น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร โดยแต่ละชนิดไม่ควรต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

งาดำเมล็ดจิ๋ว สารอาหารแจ๋ว
งาดำอุดมด้วยสารอาหารมากมาย แต่ที่โดดเด่นจริง ๆ สามารถได้รับจากอาหารโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการสกัดใดๆ จากห้องปฏิบัติการก็คือแคลเซียมค่ะ
ข้อมูลจากหนังสือ ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการอาหารไทย สำนักโภชนาการ กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข แสดงคุณค่าสารอาหารของงาดำไว้ชัดเจนว่า งาดำมีแคลเซียมสูงโดดเด่นกว่าเมล็ดพืชและถั่วเมล็ดแห้งชนิดอื่น โดยงาดำอบปริมาณ 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 1,469 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่างาขาวคั่ว 16 เท่า ถั่วดำคั่ว 14 เท่า และถั่วแดงคั่ว 34 เท่า
นอกจากมีแคลเซียมสูงช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง งาดำยังอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ทองแดง ทั้งอุดมด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 และบี 9 ซึ่งมีผลดีต่อระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและช่วยการนอนหลับ