แบคทีเรียกินเนื้อ โรคเนื้อเน่า
เเบคทีเรียกินเนื้อ เป็นกระเเสขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีกระแสของโรคแบคทีเรียกินเนื้อ (flesh-eating disease) หรือที่เรียกว่าโรคเนื้อเน่า หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า necrotizing fasciitis ในผู้ป่วยทางภาคเหนือของประเทศไทย
ข้อมูลจาก ศ.พญ. จรัสศรี ฬียาพรรณ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายไว้ดังต่อไปนี้
ทำความรู้จัก แบคทีเรียกินเนื้อ
โรคแบคทีเรียกินเนื้อนั้น เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นลึก ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน ไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (fascia) เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก มักพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือโรคตับแข็งมาก่อน การติดเชื้อมักพบหลังประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดแผลหรือเกิดจากการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อแบคทีเรีย เช่น มูลสัตว์ ขี้ดิน ขี้โคลน โดยจะมีอาการเริ่มจาก มีไข้ ปวดบวม แดงร้อนและอาการอักเสบร่วมด้วย และอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งหากได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้นจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลงได้
สาเหตุของโรคเนื้อเน่าหรือ โรคแบคทีเรียกินเนื้อ
อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกัน โดยเชื้อแบคทีเรียก่อโรคมีตั้งแต่
1. เชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส กลุ่ม A (Group A streptococci)
2. เชื้อเคล็บเซลลา (Klebsiella)
3. เชื้อคลอสตริเดียม (Clostridium)
4. เชื้ออีโคไล (E. coli)
5. เชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)
6. แอโรโมแนส ไฮโดรฟิลา (Aeromonas hydrophila) และ
7. เชื้อวิบริโอ (Vibrio)
ลักษณะอาการแสดงที่พบในระยะแรก
มีอาการเจ็บปวดบวม แดง ร้อน ที่ผิวหนังอย่างมากอาการบวมแดงจะลามอย่างรวดเร็ว อาจมีตุ่มน้ำร่วมด้วย ต่อมาสีของผิวหนังจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและมีเนื้อตายเกิดขึ้น เมื่อมีเนื้อตายเกิดขึ้นผู้ป่วยอาจมีอาการชามาแทนที่อาการเจ็บปวดมักจะมีไข้สูง และการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดร่วมด้วย ผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อคและมีการทำงานที่ลดลงของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ไต เป็นต้น มักพบการติดเชื้อบ่อยที่บริเวณแขนและขา
ส่วนการวินิจฉัยและการแยกโรคจะต้องมีการผ่าตัดชิ้นเนื้อที่เกิดการตายของเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ รวมถึงการตัดชื้นเนื้อส่งเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น, เชื้อวัณโรคชนิดอื่นและโรคเส้นเลือดอักเสบรุนแรงที่อาจทำให้เกิดเนื้อตายได้
สำหรับผู้ป่วยโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 17-49% ขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วยและบริเวณของการติดเชื้อ ถ้าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคตับแข็ง จะทำให้มีโอกาสที่เชื้อจะลุกลามอย่างรวดเร็วส่วนบริเวณของการติดเชื้อที่กว้างหรือลึกมากจะทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตที่มากขึ้น
วิธีป้องกัน แบคทีเรียกินเนื้อ
โรคแบคทีเรียกินเนื้อนั้น ผู้ป่วยในประเทศไทย มักพบเป็นประจำทุกปี คำแนะนำในการดูแลเบื้องต้นและการป้องกันเบื้องต้น ง่าย ๆ คือ ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบาดแผลที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่สกปรก และหากมีการสัมผัสหรือประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดแผลควรล้างทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่ทันที และไม่ควรบ่งด้วยเข็มหรือกรีดเปิดแผลด้วยตัวเอง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดจะส่งเสริมการติดเชื้อให้เพิ่มมากขึ้น
หรือถ้ามีแผล มีอาการปวดบวม แดงร้อนที่ผิวหนัง หรือมีไข้ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยทันที ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นโรคเบาหวานหรือโรคตับแข็ง มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อจึงต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย www.dst.or.th
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดเชื้อไวรัส RSV ในผู้ใหญ่ ใครว่าไม่น่ากลัว
The Hottest แบคทีเรียดื้อยา ภัยคุกคามมนุษยชาติ
ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ภัยเงียบที่คุณควรรู้
วัคซีนไข้เลือดออก ป้องกันโรคไข้เลือดออก