กินงาดำ อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
งาดำ นับเป็นหนึ่งในอาหารที่สายสุขภาพทุกคนหลงรัก เพราะมีแร่ธาตุและสารอาหารสูง อุดมแคลเซียม หลายคนหันมาดื่นน้ำนมงาแทนนมจากสัตว์ แต่เดี๋ยวการ กินงาดำ ก็มีข้อแนะนำอยู่เหมือนกัน ว่าควรกินอย่างไร ถึงจะปลอดภัย และได้ประโยชน์ มาดูกันเลยค่ะ
กินงาดำประโยชน์มากมาย
งาดำลักษณะยาของแพทย์แผนจีน กล่าวไว้ว่า มีรสหวาน ฤทธิ์กลางไม่ร้อนหรือเย็น เข้าสู่เส้นลมปราณตับ ไตและลำไส้ใหญ่
สรรพคุณทางการแพทย์แผนจีนของการ กินงาดำ
– บำรุงตับและไต (แก้อาการจิงและเลือดพร่อง เวียนศีรษะ ตาพร่ามัว)
– ให้ความชุ่มชื้นแก่ลำไส้(แก้อาการท้องผูกจากลำไส้ขาดความชุ่มชื้น)
กินงาดำ ดูแลสุขภาพ
ลดผมหงอก ผมร่วง
งาดำอุดมไปด้วยไขมันดีอย่างกรดไขมันไลโนเลอิกที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผมดกดำเงางาม ลดการหลุดร่วงของเส้นผม และป้องกันผมหงอก ในทางการแพทย์แผนจีนกล่าวว่า “ผมเป็นส่วนที่เหลือของเลือด” การรับประทานงาดำที่ช่วยบำรุงสารจิงและเลือดสามารถทำให้ผมดำเงางาม ลดผมหงอกและผมร่วงได้
ป้องกันโรคกระดูกพรุน
การวิจัยค้นพบว่างาดำมีสารเซซามิน ซึ่งสารนี้จะช่วยในการยับยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูกที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุนได้ และเซซามินยังช่วยทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ในทางการแพทย์แผนจีน ไตมีความสัมพันธ์กับกระดูกอย่างใกล้ชิดตามทฤษฏีปัญจธาตุ การรับประทานงาดำที่มีสรรพคุณบำรุงไตจึงสามารถช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรงได้
บำรุงสมอง
งาดำช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง โดยช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาท ช่วยป้องกันและฟื้นฟูโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น ในทางการแพทย์แผนจีนกล่าวว่า “สมองเป็นทะเลของไขกระดูก” การรับประทานงาดำที่มีสรรพคุณบำรุงไตและสารจิงจึงสามารถช่วยบำรุงสมองได้
ช่วยบำรุงเลือด ลดอาการตาพร่ามัว เวียนศีรษะ
ผู้ที่มีปัญหาหรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือด ควรรับประทานงาดำเพราะมีธาตุเหล็กที่จะช่วยบำรุงเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด และป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม ในทางการแพทย์แผนจีน ตับมีหน้าที่ในการกักเก็บเลือด กล่าวคือช่วยในการสร้างและควบคุมปริมาณเลือด การรับประทานงาดำจึงสามารถช่วยบำรุงเลือดได้
ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
งาดำยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์จำนวนมากจึงช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น บรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารและป้องกันโรคท้องผูก ในทางการแพทย์แผนจีน งาดำเป็นสมุนไพรที่เป็นเมล็ดและเข้าสู่เส้นลมปราณลำไว้ใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้
ข้อควรระวังในการ กินงาดำ
แม้การกินงาดำจะมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโรคทางสมอง การดูแลข้อเข่า รวมไปถึงการดูแลความสวย ความงาม อย่างเรื่องของเส้นผม แต่ถึงอย่างนั้นงาก็มีข้อควรระวังเหมือนกัน เพราะหากกินมากไปจะกลายเป็นโทษ แต่ถ้ากินตามที่แอดบอกละก็ ได้คุณประโยชน์แน่นอน
1. เทคนิคกินป้องกันลำไส้อุดตัน
เนื่องจากงาดำมีขนาดเล็กมาก เวลาบริโภคบางคนอาจเคี้ยวไม่ละเอียดทุกเม็ด แต่เลือกที่จะกลืนเข้าไปเลย ในกรณีที่ลำไส้ย่อยไม่หมด งาดำเม็ดเล็กๆ จำนวนมากอาจตกค้างบริเวณลำไส้ก่อให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ ได้ ดังนั้นการกินงาดำในแต่ละครั้งควรกินในปริมาณที่เหมาะสมและเคี้ยวให้ละเอียด
ทุกครั้งก่อนกลืน
2. กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
งาดำ เป็นอาหารที่มีกากใยมาก เมื่อรับประทานจะทำให้รู้สึกอิ่มนาน หลายคนจึงเลือกใช้งาดำเป็นอาหารลดน้ำหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วงาดำเพียงแค่ 1 กำมือให้พลังงานแคลอรีสูงถึง 590 แคลอรี ซึ่งถือเป็น 40% ของปริมาณไขมันดีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แต่หากบริโภคคราวละมากๆ แทนที่จะลดน้ำหนัก ผลอาจกลายเป็นสิ่งตรงข้ามได้ จึงต้องจำกัดปริมาณการกินให้พอเหมาะค่ะ
3. กินพอดีหนีท้องร่วง
ข้อดีของการกินงาดำ คือ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยในการขับถ่าย แต่หากบริโภคมากเกินไปจะทำให้เกิดการระบายมากผิดปกติจนเกิดภาวะท้องร่วง หรือทำให้ร่างกายสูญเสียสารอาหารที่เป็นประโยชน์ออกมากับอุจจาระโดยที่ยังไม่ถูกดูดซึม และทำให้สูญเสียเกลือแร่โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
4. กินแต่พอดี ดูแลเส้นผม
อาหารทุกชนิดต่อให้มีประโยชน์กับร่างกายเพียงใดก็ตามแต่หากบริโภคไม่พอดีจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แนะนำปริมาณงาดำที่ควรบริโภคต่อวัน คือ 10 – 15 กรัม หรือไม่เกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ จะช่วยให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนจำเป็นที่พอดี ไม่กระทบต่อการผลิตไขมันในร่างกาย และไม่ส่งผลต่อความมันบนศีรษะ หรือเกิดภาวะผมร่วง
5. ข้อควรระวังสำหรับคนแพ้ถั่ว
แม้จะมีประโยชน์ในเรื่องการบำรุงสุขภาพ แต่งาดำมีสารบางชนิดที่คล้ายกับถั่วลิสง ซึ่งสำหรับคนแพ้ถั่วลิสง เมื่อกินงาดำอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ ฉะนั้นผู้ที่มีอาการแพ้ถั่วจึงควรหลีกเลี่ยงการกิน (อาหารที่มี) งาดำเพื่อความปลอดภัยค่ะ
กินงาดำให้ถูก ได้ประโยชน์เต็มเม็ด
การจะเลือกกินงาดำ ควรเลือกที่เป็นงาดำอบหรือคั่ว เนื่องจากว่างาดำที่ผ่านความร้อนมาแล้ว จะมีสารอาหารมากกว่างาดำดิบ ที่สำคัญควรบดให้ละเอียด เพราะเยื่อหุ้มเมล็ดงา มีความเหนียวและทนต่อน้ำย่อย ซึ่งการบดให้ละเอียดจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากงาดำได้ดีกว่างาดำที่เป็นเมล็ด
หากเลือกเป็นงาดำสำเร็จรูป ควรเลือกผลิตภัณฑ์ผสมงาดำ ที่ใช้งาดำอบหรือคั่วและผ่านการบด ผสมในผลิตภัณฑ์ เช่น ผงโรยข้าวจากงาดำบด นมถั่วเหลืองผสมงาดำบด งาดำทั้งเมล็ดที่โรยบนคุกกี้หรือขนมชนิดต่างๆ จะให้ประโยชน์น้อยกว่า
(ข้อมูลจาก คอลัมน์ HEALING FOOD นิตยสารชีวจิต ฉบับ 504)
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บอกความลับ ปวดข้อ อะไรควรทาน อะไรควรเลี่ยง!