ANTI VACCINE PLAQUE บทเรียนจากเหตุ "โรคหัดระบาด" ครั้งสำคัญในสหรัฐฯ

ANTI VACCINE PLAQUE บทเรียนจากเหตุ โรคหัดระบาด ครั้งสำคัญในสหรัฐฯ
คุณทราบหรือไม่ว่า ขณะนี้วัคซีน ซึ่งเป็นวิธีป้องกันโรคที่ได้ผลและผ่านการ
พัฒนาให้ปลอดภัยมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 200 ปี

กลับถูกต่อต้านในสหรัฐอเมริกาจนเกิดเหตุ “โรคหัดระบาด” รุนแรง จนถึงขั้นต้อง
ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินระดับมลรัฐ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ติดตามรายละเอียด
ได้เลยค่ะ

CASE STUDY IN NEW YORK
กรณีศึกษาจากการระบาดที่นิวยอร์ก

ล่าสุด ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกาประกาศว่า ตั้งแต่ต้นปี 2019 จนถึง เดือนเมษายนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคหัดมากถึง 465 ราย ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา

จากการสืบสวนการเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ กรณีพบผู้ติดเชื้อโรคหัด 39 ราย ในพื้นที่เขตที่อยู่อาศัยของชาวยิวในเมืองนิวยอร์ก เมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2018 โดยพบว่ามีเด็กคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเดินทางไปประเทศอิสราเอล และติดเชื้อโรคหัดกลับมา จากนั้น จึงเกิดการแพร่เชื้อโรคหัดกลายเป็นการระบาดในพื้นที่ชุมชนชาวยิว ดังกล่าว

บทวิเคราะห์ของ จูเลีย เบลลัซ นักข่าวสายสุขภาพสาธารณสุขที่เผยแพร่ในเว็บไชต์ข่าว Vox สหรัฐอมริกา อธิบายว่า เหตุที่เด็ก ๆ ชาวยิวในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ได้รับวัคซีนเป็นเพระผู้ปกครองได้รับข้อมูลจากกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีนที่ชื่อว่า Parents Educating and Advocating for Children’s Health เผยแพร่ความเชื่อว่า วัคซีนมีส่วนทำให้เด็กกลายเป็นออทิสติกส์ โดยใช้นิตยสารที่จัดทำเองเป็นเครื่องมือ ในการเผยแพร่แนวคิดในการต่อต้านวัคซีน ที่มีการอ้างอิงถึงคำสอนของแรบไบหรือพระชาวยิวด้วย

จูเลีย ตั้งข้อสังเกตว่า การเป็นชาวยิวในสังคมอเมริกันนับว่าเป็นชนกลุ่มน้อย เพราะมีแนวทางการปฏิบัติทางศาสนาที่เคร่งครัด และแตกต่างจากการใช้ชีวิตของชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาคริสต์ กลุ่มต่อต้านวัคซีนจึงใช้ช่องว่างนี้เข้ามาเคลื่อนไหวว่า การไม่รับวัคซีนเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตแบบทางเลือก แตกต่างจากวิถีชีวิตในกระแสหลักของอเมริกันชน

มีผู้ปกครองชาวยิวหลายคนรับแนวคิดดังกล่าวไป ทำให้เด็ก ๆ ที่เกิดในครอบครัวเหล่านั้น ขาดการรับวัคซีน ตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติในระดับชาติไปอย่างน่าเสียดาย

กระแสการต่อต้านวัคซีนในอเมริกา มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ต่อเนื่องมาจน
ปะทุกลายเป็นปัญหาโรคระบาดในพื้นที่ชุมชนชาวยิว โดยฉพาะในเขตบรุกลิน
และควีนส์ คนไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดตั้งแต่เด็ก จึงมีโอกาสรับเชื้อจากคนในชุมชนและป่วยเป็นโรคหัดได้ในที่สุด โดยที่ไม่ต้องออกไปรับเชื้อจากการเดินทางไปต่างประเทศ

FAST FACT
รู้จักโรคหัดและวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง

โรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้น จึงยังไม่มียารักษาโรคนี้ได้ ปัจจุบัน มีเพียงการฉีดวัคซีนเพื่อ
ป้องกันโรคในวัยเด็กเท่านั้น ที่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดของโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัสมีซิล เป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้จากการหายใจ เอาละอองจากการไอจามของผู้ป่วยข้าสู่ร่างกาย หลังรับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง บางรายมีผื่นนูนแดงขึ้นตามร่งกาย ในรายที่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง อาจมีอาการปอดติดเชื้อ สมองอักเสบ โดยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันต่ำ จะเป็นกลุ่มที่มีอาการรุนแรงได้ เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มียารักษา แพทย์จึงต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ

ปัจจุบัน โปรแกรมฉีดวัคซีนในประเทศไทย แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด 2 เข็ม โดยเข็มแรก ฉีดเมื่อเด็กอายุ 9 เดือน และเข็มที่ 2 ฉีดเมื่ออายุ 2 ปีครึ่ง ประสิทธิภาพของวัคซีนโรคหัดสามารถป้องกันโรคได้สูงถึงมากกว่า ร้อยละ 95 โดยมีการศึกษาพบว่า เด็กที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ตามกำหนดจำนวน 100 คน ไม่เป็นโรคหัดสูงถึง 97 คน

กรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้เห็นว่าส่วนใหญ่ปัญหาสาธารณสุขต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราล้วนเป็นสิ่งที่ป้องกันและรับมือได้ หากใช้ความรู้ที่ถูกต้องจากสถาบันทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ชีวจิต สนับสนุนการใช้ข้อเท็จจริงมาตั้งต้นวิธีดูแลสุขภาพเสมอค่ะ

เรื่อง ศิริกร โพธิจักร ภาพจาก Pixabay