Smart Life, Smart Health ไมค์ ภัทรเดช เคล็ดลับของคนรักสุขภาพ

Smart Life, Smart Health ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี

ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี พระเอกหนุ่มขวัญใจสาวๆ มาเจอเยือนนิตยสารชีวจิตในลุคสปอร์ตแมน ที่พร้อมออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆ แต่เห็นถึงอย่างนั้น หนุ่มคนนี้ก็มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังมายาวนานจากการออกกำลังกาย จนตอนนี้สิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุดในการออกกำลังกายคือ “การยืดกล้ามเนื้อ”

บาดเจ็บเรื้อรัง จากการออกกำลังกาย

กีฬาโปรดของไมค์ – ภัทรเดช สงวนความดี คือบาสเก็ตบอล ที่เล่นจนได้เป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย แต่ก็เพราะกีฬาชนิดนี้เช่นเดียวกัน ที่ทำให้เขาบาดเจ็บเรื้อรังตั้งแต่วัยเรียนจนถึงปัจจุบัน “เป็นอาการบาดเจ็บช่วงหลังล่างครับ เป็นมายาวนานตั้งแต่ ม.3 เกิดจากการซ้อมบาสเก็ตบอล ก่อนลงสนามไม่ยืดกล้ามเนื้อ ระหว่างเล่นเกิดอุบัติเหตุชนกับเพื่อนกลางอากาศ ทำให้บาดเจ็บตั้งแต่นั้นมา และก็รักษาอาการมาเรื่อยๆ ถ้าครั้งไหนออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา ไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อก่อนจะบาดเจ็บทุกครั้ง”

อาการบาดเจ็บที่เรื้อรัง แม้ดูแลเป็นอย่างดีแต่ก็อาจกลับมารุนแรงขึ้นได้อีก “ที่มาเจ็บอีกในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะผมออกกำลังกายหนักมากขึ้น จนในที่สุดต้องพักออกกำลังกาย 6 เดือน เพื่อทำกายภาพบำบัด ให้อาการดีขึ้น ตอนนี้ก่อนออกกำลังกายก็ต้องยืดกล้ามเนื้อให้นานขึ้น ถ้าเป็นการเล่นเวทก็ต้องจัดระเบียบร่างกายให้ดี ให้ถูกต้อง”

จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง จึงทำให้ไมค์ฝากไปถึงทุกคนที่ออกกำลังกาย แต่ละเลยการวอร์มอัพ และยืดกล้ามเนื้อ “ช่วงหลังล่างเป็นสิ่งที่หลายคนละเลย ทั้งๆ ที่ เป็นจุดรับน้ำหนักตลอดเวลา แค่เราแบกของน้ำหนักก็จะลงไปที่บริเวณนี้แล้ว ดังนั้นก่อนออกกำลังกายก็ควรที่จะยืดกล้ามเนื้อบริเวณนี้ด้วย รวมถึงถ้ามีอาการเจ็บก็ควรรีบรักษา อย่าปล่อยให้เจ็บไปเรื่อยๆ”

สุขภาพดี เริ่มต้นที่การพักผ่อน

นอกจากจะชอบเล่นกีฬาแล้วอีกสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการพักผ่อน “คนเดี๋ยวนี้พักผ่อนไม่พอโรคก็เยอะขึ้นตามไปด้วยผมเองก็เคยมีอาการนอนไม่หลับจนต้องหาทางแก้ไข

“วิธีการของผมคือก่อนนอน 1 ชั่วโมงจะตั้งปิดเสียงโทรศัพท์ปิดการแจ้งเตือนต่างๆเพราะมือถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนนอนไม่ได้คุณภาพผมสังเกตตัวเองถ้าวันไหนเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนคืนนั้นจะหลับไม่สนิทฝันเยอะแยไปหมด

“ก่อนนอนเราควรตัดเรื่องราวทุกอย่างผ่อนคลายสมองอาจจะฟังเพลงดื่มนมร้อนๆอ่านหนังสือที่ให้แง่คิดบวกเพื่อให้เราหลับไปพร้อมกับความสุขจะช่วยให้นอนหลับสนิทมากขึ้นครับ”

เทคโนโลยี ตัวช่วยสุขภาพดี

เพราะความเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้พระเอกหนุ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ “ผมใช้นาฬิกาที่ช่วยแสดงค่าต่างๆของร่างกายอย่างเรื่องของการนอนก็จะใช้แอปพริเคชั่นที่ช่วยวัดคุณภาพการนอนทุกๆเช้าก็จะต้องดูว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างถ้าไม่ดีก็จะตั้งเป้าหมายว่าคืนนี้จะต้องดีขึ้น

“นอกจากเรื่องของการนอนแล้วยังช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจซึ่งจะบอกว่าวันนี้หัวใจเราเต้นเร็วมีความเครียดผมจะทบทวนว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นและจัดการกับความเครียดนั้น

“หรืออย่างเรื่องง่ายๆว่าเราลืมดื่มน้ำนาฬิกาก็จะช่วยเตือนทั้งที่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้แต่เราไม่ทำต้องมีอะไรมาช่วยเตือน”

บริหารความหวาน

ไมค์ออกตัวว่าเป็นคนชอบกินหวานแต่เพราะความหวานเป็นอันตรายกับสุขภาพเขาจึงต้องมีวิธีในการจัดการบริหารความหวานของตัวเอง “ความหวานแม้จะเป็นอันตรายแต่ร่างกายเราก็ยังต้องการในปริมาณที่เหมาะสม

“ผมที่ชอบกินหวาน ก็จะเลือกลดความหวานในอาหารอื่นๆ เพื่อมากินหวานในอาหารที่ชอบ เช่น อาหารที่บ้านจะไม่ปรุงน้ำตาลเพิ่ม เพื่อมากินเค้ก 1 ชิ้น ซึ่งเป็นของหวานที่ชอบ”

เมื่อถามถึงวิธีกินอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ เขาบอกกับเราว่า “การกินทำให้ผมมีความสุข แต่เราต้องรู้ว่ากินอะไรดีหรือไม่ดี ควรกินตอนไหน แต่ถ้าเราควบคุมมากเกินไปจะทำให้ร่างกายเครียด เหนื่อย แล้วพอหลุดจากวินัยก็จะกลับมาอ้วนได้ง่ายๆ

“ผมจะใช้วิธีเน้นกินผัก กินโปรตีน เลือกอาหารที่มันน้อย มื้อเช้า มื้อเที่ยงกินได้ ส่วนมื้อเย็นควรกินก่อนหกโมงครึ่ง”

ปัจจุบันคือสิ่งสำคัญ

การพูดคุยในครั้งนี้พาเราไปแตะของความคิดความเครียดและการใช้ชีวิตในปัจจุบัน “เราควรต้องปล่อยวาง สมมุติว่ากระเป๋าสตางค์หาย สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องมองไปข้างหน้าแล้วรู้ว่าควรทำอะไร เช่นในกรณีนี้คือ การอายัดบัตร การแจ้งความ และแก้ปัญหาของปัจจุบัน

“เราต้องอยู่กับปัจจุบันอย่ามัวไปเสียใจกับอดีตที่ผ่านมาเพราะปัจจุบันคือผลลัพท์ของอดีตแต่สิ่งที่สำคัญคืออนาคตเพราะนั่นคือผลลัพท์ของปัจจุบันถ้าอยากให้อนาคตดีก็ทำปัจจุบันให้ดีชีวิตมีแค่นี้เองเพราะผมเชื่อว่าอดีตทุกคนเคยผิดพลาดผมก็เองก็พลาดมาเยอะแต่ถ้าปัจจุบันเราโอเคก็ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงแค่ประสบการณ์”

ก่อนจะจบบทสนทนานี้ไมค์ให้แนวคิดที่ทำให้เราพร้อมโยนอดีตทิ้งไปว่า “อดีตก็เหมือนแก้วโยนลงพื้นก็แตกเราเรียนรู้แล้วก็อย่าไปโยนอีกเท่านั้นเอง”