กินยาคุมกำเนิด

คู่มือ กินยาคุมกำเนิด อย่างไร ให้ปลอดภัย ไม่เสียสุขภาพ

กินยาคุมกำเนิด อย่างไร ให้ปลอดภัย

รู้ไหมคะว่า  นอกจากยาแก้ปวดแล้ว  ยังมียาอีกชนิดหนึ่งที่คุณผู้หญิงจำเป็นต้องใช้นั่นก็คือ ยาคุมกำเนิด ผู้เขียนได้อ่านข้อมูลจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ที่ศึกษาการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดในผู้หญิงอายุ15-45 ปี  จำนวน 300 คน พบว่า  มีเพียงร้อยละ 53.6 เท่านั้นที่ใช้ยาถูกวิธี เป็นข้อมูลที่น่าตกใจค่ะ  เพราะแสดงว่ามีผู้หญิงเกือบครึ่งหนึ่งกำลังใช้ยาคุมผิดวิธี ชีวจิต จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการ กินยาคุมกำเนิด ให้ถูกต้องปลอดภัยมาฝาก

นานาประโยชน์จากยาคุมกำเนิด

แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร อธิบายว่า

“ในยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง โดยกลไกลการทำงานของยาเม็ดคุมกำเนิด คือ ห้ามการตกของไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้ปากมดลูกเหนียวจนอสุจิไม่อาจเข้าไปได้”

จะเห็นได้ว่า จุดประสงค์หลักของผู้ใช้ยาคุมกำเนิดคือเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ก็มีสาวๆหลายคนกินยาคุมเพื่อความสวยงาม คุณหมอชัญวลีอธิบายว่า

“ปัจจุบันมีการปรับสูตรยา นอกจากมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและเอสโทรเจนที่มีคุณสมบัติป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ตัวยายังมีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อแอนโดรเจน ซึ่งหลังกินยาจะทำให้ผู้ใช้บางคนซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น เช่น ช่วยลดหนวด ลดเครา ลดสิว ลดหน้ามัน แต่ไม่ได้ช่วยผู้ที่มีปัญหาสิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือการติดเชื้อ”

ถึงอย่างนั้นแพทย์ปัจจุบันก็ยังใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อบำบัดโรคบางชนิด  ซึ่งคุณหมอชัญวลีสรุปไว้ดังนี้

1. โรคไข่ไม่ตก ซึ่งทำให้ผู้ป่วยไม่มีประจำเดือน หรือมีประจำเดือนกะปริบกะปรอย สามารถใช้ยาคุมกำเนิดทดแทนการทำงานของฮอร์โมนได้

2. ผู้ที่มีฮอร์โมนน้อย ในบางคนรังไข่ไม่ทำงาน เนื่องจากระบบฮอร์โมนทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่มีประจำเดือน การใช้ยาคุมก็ทำให้มีประจำเดือนได้

3. โรคถุงน้ำหลายใบในรังไข่ ผู้ป่วยโรคนี้มีฮอร์โมนเพศชายสูง มีภาวะอ้ว  ไม่มีประจำเดือน ยาเม็ดคุมกำเนิดจะช่วยลดขนาดของถุงน้ำได้

4. ลดอาการปวดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ คือ เป็นอาการปวดที่ไม่ได้เกิดจากโรคแฝง เกิดจากโพรงมดลูกมีแรงดันสูงการกินยาคุมจะช่วยลดอาการปวดแบบปฐมภูมิได้ แต่กรณีเป็นการปวดประจำเดือนแบบทุติยภูมิ คือ มีโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ยาคุมอาจไม่ได้ช่วยให้หายปวด

ยาคุมกำเนิดกับมะเร็งเต้านม กินยาคุมกำเนิด โรคผู้หญิง

ผู้ป่วยโรคใดบ้างต้องระวัง

แม้ยาคุมกำเนิดจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆมากกว่าแค่การคุมกำเนิด  แต่ถึงอย่างนั้นหากใช้ไม่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยคราวนี้เรามาดูกันว่า ผู้ป่วยโรคใดบ้างต้องระมัดระวังการกินยาคุมกำเนิดเป็นพิเศษ

1. โรคหัวใจ

อาจารย์นายแพทย์สุนทร ม่วงมิ่งสุข ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า “ผู้ป่วยโรคหัวใจสามารถกินยาเม็ดคุมกำเนิดได้  แต่ต้องกินยารักษาโรคหัวใจร่วมด้วยอย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้ยาคุมกำเนิด อาจทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น  และเข้าไปอุดตันหลอดเลือดในร่างกายได้ง่าย

“แต่ที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ  ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดเขียว (มีเลือดดำจากหัวใจห้องขวาไหลมาผสมกับเลือดแดงในหัวใจห้องซ้าย) และมีเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ  หรือผู้ป่วยที่เคยมีก้อนเลือดไปอุดตามหลอดเลือดของร่างกายมาแล้วไม่ควรกินยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างเด็ดขาด”

ส่วนคุณหมอชัญวลีอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด  คือ

2. มะเร็งเต้านม

แม้ยาคุมไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม  แต่เพราะฮอร์โมนในเม็ดยาอาจส่งผลให้มะเร็งเต้านมกำเริบหรือลุกลามได้ ดังนั้นไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม

3. โรคตับ

ผู้ป่วยโรคตับหรือตับมีความผิดปกติไม่ควรใช้  เพราะฮอร์โมนในเม็ดยาอาจเข้าไปทำให้การทำงานของตับลดลงได้

4. ผู้มีรอบเดือนผิดปกติ

สำหรับผู้มีรอบเดือนผิดปกติ  หากยังไม่ได้รับการตรวจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร  ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด  ควรตรวจให้ทราบสาเหตุเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย

กินยาคุมอย่างไร ปลอดภัยชัวร์

เนื่องจากยาคุมกำเนิดมีความจำเป็นสำหรับคุณผู้หญิงบางท่าน  เราจึงมีคำแนะนำวิธีกินที่ถูกต้องมาฝากคุณหมอชัญวลีอธิบายว่า

1. ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าควรกินยาคุมกำเนิดประเภทใด

2. ไม่ควรกินติดต่อกันนานเกิน5ปี

3. ควรพบแพทย์ทุกปีเพื่อประเมินความเสี่ยงในการกินยาคุมกำเนิดในปีต่อๆไป

4. กรณีใช้ยาคุมเพื่อรักษาโรค  ควรให้แพทย์เป็นผู้สั่ง ไม่ควรซื้อยาคุมกำเนิดมากินเอง นอกจากนี้เภสัชกรหญิงพิธัญญา มะลารัมย์ หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลเกาะจันทร์ จังหวัด
ชลบุรี ได้แนะนำต่ออีกว่า

5. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนร่วมกับการกินยาคุม เพราะฮอร์โมนเอสโทรเจนจะไปขัดขวางกระบวนการกำจัดกาเฟอีนออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายมีกาเฟอีนตกค้างเป็นเวลานาน  จึงเกิดอาการใจสั่น กระวนกระวายนอนไม่หลับตามมาได้

6. ส่วนคุณผู้หญิงที่เป็นฝ้า  ควรเลือกยาคุมกำเนิดชนิดที่มีระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนต่ำ  และควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเพื่อลดการเกิดฝ้า

ความรู้เหล่านี้นำไปบอกต่อคนใกล้ตัว ก็จะช่วยให้เราและเพื่อน ๆแข็งแรงปลอดภัยได้ค่ะ

(ที่มา : คอลัมน์อยู่เป็นลืมป่วย นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 401)


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ยาคุมกำเนิดกับมะเร็งเต้านม เกี่ยวข้องกันจริงหรือ

แชร์! ยาคุมฉุกเฉิน วิธีกิน ให้ปลอดภัย ไร้กังวล

กินยาคุม อย่างไรให้ปลอดภัย คู่มือดูแลสุขภาพสำหรับสาว ๆ

 

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.