เรื่องเล่าจาก ชาเขียว ช่วยเสริมพลังสมอง

ชาที่เราดื่มกัน ไม่ว่าจะเป็นชาขาว ชาเขียว ชาอุ่หลง หรือชาดำต่างก็มาจากต้นชาชนิดเดียวกัน มีสาระสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือสาร พอลีฟีนอล (Polyphenol) เช่นเดียวกัน เพียงแต่สารนี้จะปริมาณแตกต่างกันตามกรรมวิธีการผลิตชาชนิดต่างๆ

 

สารพอลิฟีนอลชนิดที่สำคัญคือ กลุ่มสารคาเทชิน (catechins) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง สารในกลุ่มนี้มี 4 ชนิด แต่สารคาเทชินที่มีฤทธิ์มากที่สุดและปริมาณมากที่สุดในชาเขียวคือ สารอีจีซีจี (epigallocatechin-3-gallatae,EGCG)ซึ่งจัดว่าเป็นสารพอลิฟีนอลที่ได้รับการศึกษามากที่สุด

 

อาจารย์ศัลยา  คงสมบูรณ์เวชบอกไว้ว่า ในบรรดาชา 4 ชนิด ชาขาวเป็นชาที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตน้อยที่สุด รองลงมาคือ ชาเขียว จากชาขาวซึ่งเป็นส่วนของหน่ออ่อนที่เริ่มแทงยอดออกมาหรือใบชาใบแรกที่เริ่มผลิตออก ส่วนของชาแหล่งนี้หลังจากเก็บจะต้องนำไปนึ่งทันทีเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในชาแล้วจึงนำไปทำให้แห้ง ชาชาวจึงมีสารคาเทชินสูงกว่าชาอื่น

 

ส่วนชาเขียวจะเก็บเมื่ออายุมากกว่าชาขาว หลังจากเก็บจะนำไปทำหเหี่ยวโดยการผ่านลม แล้วจึงผ่านความร้อนอีกครั้งเพื่อยับยั้งการำทงานของเอนไซม์ในชา ชาเขียวจึงอาจมีสารคาเทชินน้อยกว่าชาขาวเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ชาเขียว1 ถ้วยมีสารพอลิฟีนอลสูงถึง 50-150 มิลลิกรัม

 

มีข้อมูลการวิจัยว่า การดื่มชาเขียวสม่ำเสมอให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ป้องกันโรคตับ เพิ่มภูมิต้านทาน และยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูกและฟัน รวมถึงการทำงานของสมอง

 

ปัจจุบันมีการวิจัยชาเขียวมากขึ้นโดยเฉพาะชาเขียวสกัดด้านการป้องกันความจำเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ หรือโรคพาร์กินสิน แต่กลไกทำงานยังไม่สามารถอธิบายได้

 

แล้วเราจะเลือกชาเขียวแบบไหนดี ?

ควรซื้อชาเขียวชนิดใบชาแห้ง ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาแช่เป็นซอง เก็บชาไว้ในภาชนะปิดสนิทในที่มืด เย็น และแห้ง ใบชา 30 กรัม สามารถชงชาเขียวได้ 1,530 ถ้วย

การชงชาเขียวไม่ควรใส่น้ำเดือด ให้ใช้น้ำร้อนอุณหภูมิ 71-76.5 องศาเซลเซียส ซึ่งต่างจากการชงชาชนิดอื่นที่จะต้องใช้อุณหภูมิสูงกว่า

 

เรื่อง : ชมนาด

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.