กล้วย กินง่าย ประโยชน์สูง

กล้วย กินง่ายกว่าปอก แถมประโยชน์สูงมาก

กล้วย เป็นผลไม้ที่คุ้นหน้า คุ้นตา และคุ้นปากกันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นผลไม้หาง่าย ราคาไม่แพง กินง่าย ไม่ยุ่งยาก หลายคนจึงเลือกทานในมื้อเร่งรีบ และนอกจากนั้นยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์สูงมากเลยนะคะ ช่วยในการดูแลสุขภาพในหลายๆ ด้านเลยทีเดียว 

ข้อมูลโภชนาการ

กล้วยหอม 100 กรัม อุดมด้วย

พลังงาน            98         Kcal
น้ำตาล              19.16     กรัม
ไฟเบอร์             1.5         กรัม
ฟอสฟอรัส        46          มิลลิกรัม
แมกนีเซียม       21          มิลลิกรัม
โพแทสเซียม    347       มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน   62         ไมโครกรัม
วิตามินเอ           5           ไมโครกรัม
วิตามินซี            27         มิลลิกรัม

จะเห็นได้ว่า สารอาหารที่สำคัญทีไ่ด้จากกล้วยหอมคือ ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยดูแลสุขภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้มากมายเลยค่ะ

กล้วย กล้วยหอม

สุขภาพหัวใจ

หนึ่งในสารอาหารที่กล้วยมีสูงคือโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของหัวใจ และความดันโลหิต การกินกล้วยจึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือด และหัวใจ

สุขภาพลำไส้

อย่างที่รู้ว่าผงกล้วยดิบช่วยรักษากระเพาะได้ แต่กล้วยยังช่วยดูแลลำไส้ได้ เนื่องจากอุดมด้วยไฟเบอร์ในปริมาณสูง จึงทั้งทำให้อิ่มท้องได้นาน ลดอาการท้องอืด ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ 

อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้มากในกล้วย ไม่เพียงรักษาเซลล์ให้เป็นปกติ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ 

ช่วยฟื้นฟูร่างกาย 

หลังออกกำลังกาย ถ้าได้กินกล้วยจะดีมากๆ เพราะว่ากล้วยอุดมด้วยสารหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแมกนีเซียมที่ช่วยทำหน้าที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ในร่างกาย จึงลดการเกิดตะคริว และคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ และกล้วยก็เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายอีกด้วย 

เมนูกล้วย

เพราะกล้วยเป็นเมนูคู่ครัวไทยมาช้านาน จึงไม่แปลกที่เราจะมีเมนูที่ทำจากกล้วยมาก โดยเฉพาะการทำเป็นของหวาน ของว่าง ที่สำคัญคือเป็นของกินเล่นที่มีประโยชน์สูง บางเมนูก็เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอีกด้วย วันนี้ชีวจิตนอกจากจะมีประโยชน์มาฝาก ก็มีสูตรมาให้ทำกันด้วยค่ะ

กล้วยต้ม

กล้วยที่นิยมนำมาคือ กล้วยน้ำว้าห่าม ค่ะ เห็นลูกเล็ก ๆ แบบนี้ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าสุกให้แคลอรีสูงถึง 60 แคลอรีเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลถึง 3 อย่างคือ ซูโครส ฟรุคโตส  และกลูโคส  ดังนั้นการกินเป็นกล้วยต้มที่เน้นใช้กล้วยน้ำว้าห่ามก็จะทำให้ได้รับน้ำตาลน้อยลงค่ะ 

กล้วย, เมนูกล้วย, กล้วยต้ม

สำหรับประโยชน์ของกล้วยน้ำว้านั้นก็จะแตกต่างจากกล้วยหอมเล็กน้อย คือ

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงช่วยต้าน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยในเรื่องการนอนหลับ เพราะในกล้วยน้ำว้ามีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยกระตุ้นการสร้างสารเซโรโทนิน ทำให้นอนหลับง่าย เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนค่ะ 
  • ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และยังลดปัญหาการซึมเศร้า ซึ่งเป็นอีกประโยชน์ที่ได้จากการมีทริปโตเฟน จนทำให้กลายเป็นหนึ่งในผลไม้ที่กรมสุขภาพจิตแนะนำให้กินเพื่อลดปัญหาซึมเศร้าด้วย 
  • ลดความดันโลหิต โดยในกล้วยน้ำว้ามีโพแทสเซียมในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ความดันอยู่ในระดับที่สมดุล

สูตรกล้วยต้ม

  1. ต้มกล้วยน้ำว้าห่ามทั้งเปลือกในน้ำเกลือ แต่ถ้าอยากเพิ่มความหอมก็ใส่ใบเตยลงไปต้มพร้อมๆ กัน 
  2. เมื่อเปลือกกล้วยเริ่มปริแยกก็ตักกล้วยออกมาแช่ในน้ำเย็นจัด 
  3. เมื่อกล้วยเย็นแล้วก็ปอกเปลือก พร้อมทานค่ะ แต่ถ้าใครอยากเพิ่มความอร่อย ก็ทานคู่กับมะพร้าวขูดได้นะคะ 

สมู้ตตี้กล้วย

เป็นสูตรเครื่องดื่มที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ลดความเครียด เพราะอุดมด้วยสารทริปโตเฟน ที่ได้จากทั้งกล้วย และ เมล็ดทานตะวัน ผสานกับวิตามินบีรวมและแมกนีเซียมจากอินทผลัมและเอพริคอต ทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มพลังงานให้รู้สึกตื่นตัว สามารถเผชิญกับทุกสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้อย่างดี

ที่สำคัญคือเมนูนี้ ไม่ต้องเติมน้ำตาล น้ำเชื่อมเพิ่ม เพราะเราจะได้ความหวานฉ่ำจากทั้งกล้วยและอินทผาลัม ซึ่งดีกับร่างกายมากกว่าความหวานจากน้ำตาลแน่นอน

สมู้ตตี้กล้วย

ส่วนผสม

  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 250 กรัม
  • กล้วยหอมสุก 2 ผล
  • อินทผลัม แกะเอาเมล็ดออก 2 ผล
  • เอพริคอตแห้งหั่นหยาบ 2 ผล
  • น้ำแข็งบด 1 ถ้วย
  • เมล็ดทานตะวันอบสุกสำหรับแต่งหน้าเล็กน้อย

วิธีทำ

ปั่นส่วนผสมทุกอย่าง (ยกเว้นเมล็ดทานตะวัน) ด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้จนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว โรยด้วยเมล็ดทานตะวันก่อนเสิร์ฟ

พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 700.42 กิโลแคลอรี
โปรตีน 8.45 กรัม ไขมัน 3.97 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 169.54 กรัม ไฟเบอร์ 13.56 กรัม

ข้อควรระวัง!

แต่ถึงกล้วยจะมีประโยชน์มากมายแค่ไหนก็ใช่ว่าทุกคนจะกินกล้วยได้นะคะ โดยผู้ที่ควรระมัดระวังการกินกล้วยคือ 

  • ผู้ที่มีอาการไมเกรน เพราะกล้วยอาจไปกระตุ้นอาการปวดไมเกรนได้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้
  • ผู้ที่กินยาที่เพิ่มระดับโพแทสเซียม

ข้อมูล healthline, bbcgoodfood, สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทับทิม ผลสีแดงกับประโยชน์เหลือล้น

งานวิจัยแนะนำ กินอาหารอย่างไร ไม่ให้เป็นไขมันพอกตับ

10 ประโยชน์ของ ฟักทอง เมล็ดฟักทอง

ติดตามชีวจิตได้ที่
Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสาชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.