ทับทิม ผลสีแดง ประโยชน์เหลือล้น
ทับทิม (Pomegranate) ผลไม้ที่มีเมล็ดสีแดงสวย มีต้นกำเนิดมาจากดินแดงทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย ในเขตเปอร์เซีย ที่มากไปด้วยประโยชน์และสรรพคุณมากมาย จึงถูกยกย่องว่าเป็น “ราชินีแห่งผลไม้” นอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าขานว่าเป็นผลไม้ที่ถูกใช้ในการแพทย์มาแต่โบราณนับพันปี และในปัจจุบันเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ด้วยลักษณะเนื้อในที่มีสีแดงเข้มและมีลักษณะเป็นเม็ดเรียงติดกัน ดูแล้วคล้ายนอัญมณีอันมีค่า ทับทิมชอบอยู่ในอากาศหนาวตามบรรพบุรุษถิ่นกำเนิดของมันที่ยิ่งอากาศหนาวก็ยิ่งทำให้ผลของมันใหญ่และเนื้อทับทิมมีสีแดงจัดมากยิ่งขึ้น ดูน่ารับประทานยิ่งนัก
เรื่องราวของทับทิมในอดีต
ทับทิม กับชาวตะวันออกกลาง
- ดอก ชาวอิหร่านโบราณนิยมนำดอกทับทิมแห้งมาบดเป็นผงผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ ใช้บรรเทาอาการปวดบวมที่เหงือก และลดอาการอักเสบ
- เปลือก ใช้เปลือกต้นทับทิมมาทำเป็นยาถ่ายพยาธิ
- แก่นลำต้น นำมาทำน้ำยาทำความสะอาดร่างกาย
- เปลือกของผลทับทิม นำมาทำน้ำยาบ้วนปาก
- เมล็ด นำมาบดเพื่อใช้เป็นเครื่องเทศ
- ผลทับทิม คั้นน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย นิยมมากในหมู่พ่อค้าและนักเดินทางที่ข้ามผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุ
ทับทิม ในคติของจีน
ชาวจีนเชื่อว่าผลทับทิม เป็นผลไม้มงคล กิ่งใบทับทิมเป็นใบไม้สิริมงคลที่ใช้ทุกงานที่มีน้ำมนต์ประกอบพิธี โดยจะใช้พรมน้ำมนต์และ มีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย
มีเรื่องเล่าว่า เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเมืองจีนพร้อมกับพระพุทธศาสนา ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ” พระถังซัมจั๋ง ” ไปอาราธนาพระไตรปิฎกที่อินเดีย ท่านได้นำพันธุ์ไม้ต่าง ๆ มาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือทับทิม ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อความหมายถึงการ ให้มีลูกชายมากๆ
ประโยชน์ของทับทิมในปัจจุบัน
ในปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า ทับทิมมีสารอาหารสำคัญ คือ
- ใยอาหาร
- วิตามินซี
- วิตามินเค
- โพแทสเซียมสูง
ที่สำคัญมีสารแอนติออกซิแดนต์สูงกว่าไวน์แดงและชาเขียวถึง 3 เท่า !
มีการศึกษาพบว่า การกินทับทิมเป็นประจำอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไปจะช่วยลดความดันโลหิต ไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดปัญหาระบบย่อยอาหารและลำไส้ทำงานไม่ปกติ โรคแผลในกระเพาะอาหาร
น้ำคั้นจากผลทับทิมช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชลล์ที่ผิดปกติได้เนื่องจากมีสารพอลิฟินอลอย่างกรด Ellagic Acid และกรด Punicic Acid สูง ขณะที่รากเปลือกผลทับทิม และใบ มีสารแทนนินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และในก้านกับรากยังมีสารแอลคาลอยด์ชื่อ Isopelletierine ที่ช่วยในการขับถ่ายพยาธิ
นอกจากนี้กรดเอลลาจิก พบมากที่สุดใน ผลทับทิม ช่วยทำลายดีเอ็นเอของโรคมะเร็ง รวมถึงหยุดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ที่สำคัญคือ ช่วยหยุดการแพร่ของเซลล์มะเร็งในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ ฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นต้นกำเนิดอนุมูลอิสระ
สรุปได้ว่าทับทิมนั้นจัดการกับมะเร็งกันถึงต้นตอเลยทีเดียว และยังทำลายปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระไม่ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตามตำรายาไทยระบุว่า ทับทิมมีคุณสมบัติทางยา คือมีฤทธิ์ฝาดสมาน โดยใช้เปลือกของผลทับทิมแก้โรคท้องร่วงและบิด แก้ร้อนใน รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ห้ามเลือด ขับพยาธิ ส่วนใบใช้แก้อาการท้องร่วง ท้องเสีย แผลฟกช้ำ แก้อาเจียน อมกลั้วคอแก้โรคลักปิดลักเปิด
เคล็ดลับการทานทับทิมให้อร่อย
- เลือกผลทับทิมที่ผิวบาง แข็ง และหนัก ยิ่งมีน้ำหนักมากเท่าไรนั่นหมายถึงจะมีน้ำเยอะมากเท่านั้น
- หลังจากตัดผลทับทิมด้วยมีดแล้วให้แช่ในน้ำเย็น เพราะจะช่วยคลายเมล็ดให้แกะง่ายยิ่งขึ้นและควรแกะเมล็ดในน้ำ ปล่อยให้แห้ง 5 นาที ก็จะสามารถทานทับทิมได้เลย
- หากทานไม่หมด สามารถแช่เย็นและทานภายใน 3 วัน
- หากเบื่อที่จะทานทับทิมสดๆ สามารถผสมลงในเมนูอื่นๆ ก็อร่อยเหมือนกันนะคะ เช่น ผสมลงในข้าวโอ๊ต หรือผสมลงในชาเพื่อเพิ่มให้ชามีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น หรือจะใส่ลงในสลัดก็อร่อย
เมนูทับทิม
ชาเปลือกทับทิม
มีสรรพคุณแก้โรคบิด ท้องร่วง ถ่ายเหลว
วัตถุดิบ
- เปลือกทับทิม 50 กรัม
- อบเชย 5 กรัม
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
วิธีทำ
นำเปลือกผลทับทิม อบเชย ใส่ในน้ำเปล่า ต้มด้วยไฟอ่อน 10 นาที แบ่งดื่มครั้งละ 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร) วันละ 3- 4 ครั้ง จนกว่า อาการจะดีขึ้น
น้ำคั้นผลทับทิม
สรรพคุณแก้ไข้ ลดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ลดความดันโลหิต
วัตถุดิบ
- ผลทับทิม
- หญ้าฝรั่น
วิธีทำ นำผลทับทิมสดมาคั้นให้ได้น้ำ 1 แก้ว ใส่หญ้าฝรั่นลงไป 2-3 เส้น คนให้เข้ากัน แล้วดื่มให้หมดทันที ใช้ดื่มเมื่อมีอาการ
ที่มา : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 473
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาหารชีวจิต วิถีการกินเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว