7. กินผัก ธัญพืช และผลไม้ไม่หวาน
การกินผักโดยเฉพาะผักสด ช่วยให้การเผาผลาญดีขึ้นได้ เนื่องจากผักสดมีเอนไซม์และวิตามินที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานนอกจากนี้ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ถั่วต่างๆ ก็ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น สำหรับอาหารว่าง แนะนำผลไม้ที่รสไม่หวานเป็นอาหารว่างในช่วงระหว่างมื้อต่างๆ หรือตอนเช้า เป็นการเพิ่มใยอาหารที่มีประโยชน์พร้อมกับให้ความสดชื่น
8. สมุนไพรเพิ่มการเผาผลาญ
การใช้สมุนไพรและเครื่องเทศหลากหลายชนิดในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทำให้เกิดการสร้างความร้อนและการเผาผลาญแคลอรีได้
เคยสังเกตไหมคะว่า พอเรากินพริกหรือพริกไทยเข้าไปแล้วจะรู้สึกร้อน บ้างก็เหงื่อออก นั่นเพราะสารที่ให้ความเผ็ดออกฤทธิ์กระตุ้นให้ระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายทำงานมากขึ้น นอกจากพริกและพริกไทยแล้ว เรายังมีขิง ข่า ตะไคร้ อบเชยใบกานพลู ที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้
นอกจากนี้สมุนไพรยังช่วยปรับสมดุลระบบของเหลวในร่างกาย ทั้งยังช่วยลดความเครียด ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเผาผลาญทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
มีงานวิจัยระบุว่า พริกหรืออาหารรสจัดสามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้ 20เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลาถึง 30 นาที งานวิจัยในสตรีชาวญี่ปุ่นพบว่า พริกสีแดงช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ โดยเฉพาะเมื่อกินพริกแดงกับอาหารไขมันสูง
เชื่อว่าสารพัดเคล็ดลับการกินที่นำมาฝากวันนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านดูแลสองระบบสำคัญได้ดียิ่งขึ้น เพื่อจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนค่ะ
9. น้ำมันหอมระเหยช่วยการเผาผลาญ
การศึกษาพบว่า น้ำมันหอมระเหยซึ่งช่วยในการผ่อนคลาย มีส่วนช่วยให้การเผาผลาญพลังงานของร่างกายมีประสิทธิภาพขึ้น น้ำมันหอมระเหยที่แนะนำ ได้แก่ น้ำมันมะกรูด น้ำมันโหระพา น้ำมันกระดังงาน้ำมันดอกมะลิ น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันเปปเปอร์มินต์ น้ำมันโรสแมรี่
สนับสนุนข้อมูล : คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 315
บทความน่าสนใจอื่นๆ
วิธีทำอาหารลดแคลอรี ที่ให้อะไรมากกว่าการลดความอ้วน
สูตรลดความอ้วนให้ได้ผลด้วย อาหารชีวจิต
เคล็ดลับ ลดความอ้วน สไตล์ชีวจิต