5 จานล้างพิษกาย ส่งท้ายปีเก่า เวลา 1 ปีผ่านไปไวเหมือนติดจรวด หลายท่านอาจมัวง่วนสะสางงานอย่างเต็มสูบจนรู้ตัวอีกทีร่างกายก็ทรุดโทรมไปแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสารพัดสารพิษที่คุณได้รับมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในตัวอย่างสารพิษจากปัจจัยภายนอก เช่น อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ สารเคมีตกค้างในผักผลไม้ พิษจากบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อนุมูลอิสระในอาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม
จานล้างพิษกาย เมนูอร่อยที่ต้องลองทำ
การรับประทานอาหารมากเกินไปหรืออาหารที่ก่อพิษ เช่น แป้งขัดขาว อาหารหวานจัด มันจัด อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตซับซ้อน เช่น ไส้กรอก แฮม ชีส รวมถึงเนื้อแดงต่าง ๆ ฯลฯ ส่วนสารพิษที่เกิดขึ้นเองภายในร่างกาย เช่น อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเพราะภาวะความเครียด สารพิษจากเชื้อโรคบางชนิด หรือระบบการย่อยและดูดซึมอาหารที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดของเสียที่หมักหมมแล้วเกิดเป็นพิษ เป็นต้น
ถึงแม้สารพิษจะเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางตามที่กล่าวมา แต่ร่างกายเราก็มีอวัยวะซึ่งทำหน้าที่ขจัดสารพิษเหล่านั้นออกไปตามธรรมชาติ เช่น ตับทำหน้าที่ขจัดของเสียจากอาหารที่รับประทานเข้าไปปอดช่วยฟอกอากาศจากการหายใจ ผิวหนังช่วยขับของเสียออกทางเหงื่อ ลำไส้ใหญ่ช่วยขับถ่ายของเสียในลำไส้ หากระบบเหล่านี้ปกติ ร่างกายจะแข็งแรง แต่ถ้าโรงงานกำจัดพิษเหล่านี้เริ่มรวน หรือปริมาณสารพิษที่รับในแต่ละวันนั้นเกิดสะสมในอัตราสูงกว่าจะกำจัดออกได้ทัน มันก็จะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกายและแสดงอาการออกมาให้เห็น เมื่อเกิดสภาวะดังกล่าว “การล้างพิษ” จึงถือเป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่งซึ่งโดยทั่วไปแล้ววิธีล้างพิษมีอยู่หลายทาง เช่น การสวนล้างลำไส้ การอบซาวน่า การนวด การออกกำลังกาย การใช้ยาสมุนไพรหรือน้ำเอนไซม์ เป็นต้น
นอกจากวิธีล้างพิษดังกล่าว การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะพิษส่วนหนึ่งเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่ในขณะเดียวกันหากรู้จักเลือกอาหารที่ดีเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกไปเองอย่าง
มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน โดยอาจเริ่มจากงดอาหารกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวไว้เบื้องต้น ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน และวันไหนที่ต้องการล้างพิษก็ควรจำกัดพลังงานอาหารให้ไม่เกิน 800 กิโลแคลอรีต่อวันเพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พักผ่อน แล้วเลือกใช้วัตถุดิบที่มีสรรพคุณช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบกำจัดสารพิษตามธรรมชาติมาปรุงเป็นอาหารรับประทานก็สามารถช่วยปรับลดสารพิษในกายลงได้แล้ว
ส่งท้ายปีเก่านี้ จึงอาสารังสรรค์เมนูส่งเสริมระบบกำจัดพิษในร่างกายไว้ทั้งหมด 5 จาน มอบให้คุณต่างของขวัญ ไว้ใช้คลีนแอนเคลียร์สารพัดสารพิษทั้งหลายออกไปเสีย เพื่อปีหน้าฟ้าใหม่จะได้มีสุขภาพร่างกายสะอาดสดใสแข็งแรงจากภายในส่ภู ายนอก พร้อมดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเต็มสุขทุกก้าวย่าง สวัสดีปีใหม่

1. สลัดมะละกอและเม็ดแมงลัก
สลัดมะละกอ และเม็ดแมงลัก “มะละกอสุก” คือมิตรที่แท้จริงของระบบทางเดินอาหาร เพราะสารสำคัญในมะละกอช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เส้นใยอาหารจากมะละกอสามารถจับกับสารพิษก่อมะเร็งในลำไส้ใหญ่ และพาส่งออกทำให้สารพิษสัมผัสกับลำไส้ใหญ่น้อยที่สุด
สารโฟเลต เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี ที่พบในมะละกอ ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยช่วยปกป้องสารพันธุกรรมในเซลล์ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลายมากนัก นอกจากนี้เอนไซม์ปาเปอีนและไคโมปาเปนยังช่วยย่อยโปรตีนและช่วยลดการอักเสบได้อีกด้วย
สลัดมะละกอ จานนี้จึงถือเป็น อาหารล้างพิษ ในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดีเพราะนอกจากสรรพคุณดีที่ได้จากมะละกอสุกแล้ว เรายังเพิ่มเม็ดแมงลักที่มีสรรพคุณช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้คล่องขึ้นผสมลงไปด้วย เพื่อให้คุณได้ประโยชน์กันแบบยกกำลังสองไปเลย
ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 20 นาที ปรุง 5 นาที
- มะละกอสุก ปอกเปลือกหั่นชิ้นตามชอบ 8 ถ้วย
- เม็ดแมงลัก แช่น้ำจนนิ่ม ½ ถ้วย
- มะนาวเขียวซอยเป็นแว่น 2 ลูก
- ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย
- น้ำมะนาว ¼ ถ้วย
- น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
จัดมะละกอและมะนาวซอยเป็นแว่นใส่จาน โรยหน้าด้วยเม็ดแมงลักและใบสะระแหน่ จากนั้นราดน้ำมะนาว ตามด้วยน้ำผึ้ง รับประทานได้ทันที
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 184.47 กิโลแคลอรี
โปรตีน 2.06 กรัม ไขมัน 1.71 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 41.92 กรัม ไฟเบอร์ 6.66 กรัม

2. ซัลซ่ากระเจี๊ยบแดง และสับปะรด
ซัลซ่ากระเจี๊ยบแดง และสับปะรด จากข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรตามหลักเภสัชกรรมแผนไทยระบุไว้ว่า กระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทั้งยังค้นพบสาร “แอนโทไซยานนิ” ซึ่งเป็นสารสีแดงตัวเดียวกันกับที่พบในบลูเบอร์รี่ แต่ในกระเจี๊ยบมีมากกว่า ซึ่งสารดังกล่าวนี้ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซีเสียอีก
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลรายงานว่า กระเจี๊ยบ มีคุณสมบัติ ช่วยขจัดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะอีกด้วย สรรพคุณมากมายขนาดนี้ เราจึงหยิบเอากระเจี๊ยบแดงมาปรุงเป็นเครื่องจิ้มอย่างซัลซ่า รับประทานคู่กับแป้งนาโช กลายเป็นของว่างเมนูอร่อยที่ช่วยขับพิษออกทางปัสสาวะได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สับปะรด มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูกโดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน ช่วยบรรเทาอาการแผลเป็นหนอง ขับปัสสาวะได้ดี และอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต้านหวัดได้
ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 30 นาที ปรุง 5 นาที
- กระเจี๊ยบแดง สดสับหยาบลวกน้ำร้อน 1 ถ้วย
- สับปะรด หั่นเต๋าเล็ก 1 ถ้วย
- ตะไคร้สับ ¼ ถ้วย
- เนื้อมะเขือเทศหั่นเต๋าเล็ก 1 ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าเขียว กรีดเอาเมล็ดออกสับ 4 เม็ด
- พริกขี้หนู สับ 7 เม็ด
- หอมเล็กสับ ¾ ถ้วย
- ผักชีสับ 2 ต้น
- เกลือ 1½ ช้อนชา
- น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
- ทาบาสโก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- แผ่นแป้งนาโชหรือบิสกิต
- ธัญพืชตามชอบ 4 ถ้วย
วิธีทำ
เคล้าสับปะรด ตะไคร้ พริกขี้หนูสับหอมเล็กสับกับเกลือและน้ำมันมะกอกจึงใส่กระเจี๊ยบแดงและผักชี ปรุงรสด้วยน้ำเลมอน เคล้าพอเข้ากันอีกรอบ นำไปแช่ในตู้เย็นสักพัก จัดเสิร์ฟพร้อมกับแป้งนาโชหรือบิสกิตธัญพืช
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 115.78 กิโลแคลอรี
โปรตีน 1.25 กรัม ไขมัน 6.28 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 13.84 กรัม ไฟเบอร์ 1.64 กรัม