Skin Brightening Cocktail “ชะเอม” ช่วยผิวกระจ่างใส ผิวขาวกระจ่างใสในมุมมองของสาว ๆ สมัยนี้คือ ไร้ริ้วรอยดำ หมองคล้ำ และฝ้ากระ เวลาเดินมาผิวสว่างราวกับมีออร่า และขาวใสเมื่อเทียบกับคนอื่นหมอไม่แน่ใจว่าค่านิยมความขาวมีมาตั้งแต่เมื่อไร เพราะคำว่า “ผิวสวย” ในแต่ละสมัยก็มีความนิยมต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญและควรตระหนักคือ “ผิว เป็นกระจกของสุขภาพองค์รวม” หากใครดูแลตัวเองดี กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ไม่ว่าจะสีผิวเป็นอย่างไร ผิวพรรณก็ผ่องใสเหมือนผิวเด็กได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ทำให้ผิวดูคล้ำดูแก่กว่าวัยคือ แสงแดด แต่แสงแดดก็มีประโยชน์ในการสร้างวิตามินดีในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยในการดูดซึมแคลเซียมเพื่อสร้างกระดูกและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ด้วย เช่นกัน ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัว
แสงแดดจนเกินไป แต่จะอยู่อย่างไรเพื่อยังคงความสวยของผิวให้ไม่คล้ำ หรือคืนกลับมากระจ่างใสได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจัยการสร้างเม็ดสีของผิวหนังจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจในการศึกษาอย่างมากและมีผลิตภัณฑ์ผิวขาวออกมาให้เราได้เลือกซื้อ ผิวคล้ำเกิดจากเม็ดสีที่เรียกว่า เมลาโนไซด์ (Melanocyte) ในชั้นผิวหนังมีมาก ดังนั้นจึงมีการคิดค้นตัวยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Thyrosinase)ที่สร้างให้เกิดเม็ดสี โดยเบื้องต้นมีการใช้สารสังเคราะห์ซึ่งเป็น Thyrosinase Inhibitor จึงเป็นที่นิยม แต่ก็มีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวรตามมาภายหลัง การใช้สารดังกล่าวจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันและไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในวงกว้างนอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพราะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
การศึกษาสารอาหารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเป็น Thyrosinase Inhibitor จึงเป็นทางออก ซึ่งมีหลายตัว เช่น สารสกัดเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) สารสกัดจากเชื้อรา (Kojic Acid) สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloesin) และอีกหลายตัวที่เรียงตัวเกิดเป็นดาวดวงใหม่ในผลิตภัณฑ์ผิวขาว
สารสกัดชะเอม (Licorice Extract) เป็นอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความสนใจ และนำมาทำเป็นอาหารได้เพราะชะเอมมีสาร Glabidin ที่ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์ Thyrosinase ช่วยให้ผิวด่างดำฝ้ากระจางลงได้ จะว่าไปชะเอมถือเป็นสมุนไพรพื้นบ้านหรือ Licorice ทางยุโรปใช้กันมานานแล้ว
ในมุมมองของนักพฤกษศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพได้บ่งบอกถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ในพืชวงศ์ Fabaceae ที่ Licorice หรือชะเอม สังกัดอยู่แทบทุกสายพันธุ์ พืชในวงศ์ถั่วนี้เป็นพืชที่มีสีสันจัดจ้าที่สุดวงศ์หนึ่งของโลก และพืชหลาย ๆ ชนิดในตระกูลนี้ยังสามารถสร้างเม็ดสีจำนวนมาก จึงถูกนำมาใช้ในการย้อมผ้าอยู่เสมอ ๆ เช่น ต้นครามใช้ย้อมผ้าครามที่ให้คุณสมบัติกันแสงยูวีได้เป็นอย่างดี ต้นฝางนำมาใช้ย้อมผ้าที่ให้สีออกแดง ติดทนนานจะว่าไปนี่เป็นอุปมาว่าพืชกลุ่มดังกล่าวมีสารบางอย่างที่จัดการกับรงควัตถุได้ดีเป็นพิเศษ
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่น้ำฝางมีสารแอนติออกซิแดนต์ที่สูงมาก ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งคนไทยจึงนำมาต้มเป็นน้ำฝางช่วยให้ผิวพรรณดูมีเลือดฝาดดีส่วนฝรั่งก็วิจัย Licorice อย่างจริงจังจนพบว่า มีสารสำคัญหลายตัวเข้าไปยับยั้งการสร้างรงควัตถุที่ผิวอย่างเมลานินซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกันกับการที่มันจัดการกับสารสีในตัวมันเองนั่นเอง
Skin Brightening Cocktail
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) เตรียม 10 นาที ปรุง 20 นาที
- แก่นฝาง 20 กรัม
- ชะเอม 20 กรัม
- น้ำสะอาด 2 ลิตร
- น้ำตาลทรายสีรำ 100 กรัม
- เกลือหนึ่งหยิบมือ
วิธีทำ
1. สับย่อยชิ้นชะเอมและแก่นฝางเป็นชิ้นเล็ก ๆ ล้างให้สะอาดใส่ลงหม้อสเตนเลสพร้อมน้ำสะอาดต้มให้เดือดแล้วหรี่ไฟอ่อนประมาณ 10 นาที ยกลง กรองเอาแต่น้ำ
2. เติมน้ำตาลทรายและเกลือคนให้ละลาย ชิมรสพอหวานตามใจชอบ
3. เวลาเสิร์ฟเขย่าน้ำฝางกับชะเอมในน้ำแข็งให้เข้ากันอาจใส่โซดาถ้าชอบ แต่งแก้วเสิร์ฟให้สวยงาม เสิร์ฟร่วมกับมะนาว
หมายเหตุ : เมื่อบีบใส่แก้วน้ำจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 385.00 กิโลแคลอรี
โปรตีน 0.00 กรัม ไขมัน 0.00 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 99.50 กรัม ไฟเบอร์ 0.00 กรัม
โดย แพทย์หญิงกอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป แพทย์ธรรมชาติบำบัด Healthy Flavor Clinic Restaurant
เรียบเรียง : สิทธิโชค ศรีโช ภาพ : พีระพัฒน์ พุ่มลำเจียก ผู้ช่วยช่างภาพ : พีระวุฒิ สกุลพาณิชย์ สไตล์ : รามิล สิทธิมงคล
