ปาฏิหาริย์แห่งความเมตตา – ฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องเวรกรรมและบาปบุญคุณโทษ บางทีก็เคยอยากเลิกทำความดี เพียงเพราะรู้สึกเหนื่อยจนท้อ ชีวิตก็งั้นๆ สุขน้อย ทุกข์บ่อย ถึงแม้ว่าชีวิตปัจจุบันจะดีบ้าง แย่บ้าง แต่เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อราว 2 – 3 ปีที่แล้ว ก็รู้สึกว่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ฉันมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งต้องอยู่ประจำห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัด จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ทำงานนานถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะเดียวกันฉันก็มีภาระรับผิดชอบร่วมกับสามีอีกอย่างหนึ่งคือ ต้องไปช่วยเขาขายของตามตลาดนัด ซึ่งแต่ละวันก็ไม่ซ้ำที่กัน ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อช่วยสามี ก่อนที่จะต้องรีบกุลีกุจอไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เป็นเช่นนี้เกือบทุกวัน
จากความรับผิดชอบทั้งสองอย่าง ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะเกินกำลังของตัวเอง แต่ฉันก็พยายามอดทนและไม่ปริปากบ่น หากระบายออกมาผ่านหยาดน้ำตาในทุกค่ำคืน จนกระทั่งคืนหนึ่ง ความเหนื่อยแบบสุด ๆ ที่สั่งสมมาวันแล้ววันเล่าก็เริ่มส่งผลต่อร่างกาย ฉันรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เป็นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ก่อนที่ฉันจะหลับ ไปอย่างโรยราเต็มที
หลังจากนั้นก็เกิดความฝันประหลาด ฉันจำได้แม่นยำว่า ในฝันมีชายชราแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหาในห้องนอน แกมองมาที่ฉันพร้อมรอยยิ้มที่มีพลังของความเมตตาและสายตาแห่งความอบอุ่น ก่อนหน้าที่ฉันจะตกใจตื่นขึ้นมา แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ความทรมานที่เกิดขึ้นได้หายไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้
อย่างไรก็ดีฉันไม่ต้องสงสัยอยู่นานนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีญาติของฉันคนหนึ่ง ซึ่งเป็นร่างทรงของพ่อปู่ฤๅษีมาเยี่ยมที่บ้านพร้อมกับทักขึ้นมาว่า “บ้านนี้เจ้าที่ดีนะ เป็นชายชราใส่เสื้อสีขาวแบบโบราณ”
ปริศนาของชายชราในฝันของฉันจึงถูกเปิดเผยในตอนนั้นเอง ทำให้ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
เรื่องราวน่าอัศจรรย์ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ เพราะหลังจากนั้นหลานสาวของฉันสองคนก็มาค้างคืนที่บ้าน ตกดึกคืนนั้นหลานสาวคนโตก็มีอาการแปลกประหลาด คือตื่นนอนขึ้นมาในสภาพคนละเมอ และนั่งหลับตาพยักหน้าหงึก ๆ ไปมา ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “ช่วยประคอง ตาลุกขึ้นหน่อย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เราทุกคนต่างมองหน้ากันก่อนที่จะช่วยกันยกแขนหลานสาวของฉันขึ้นมา พอลุกยืนได้เท่านั้น เธอก็ยกมือขึ้นเท้าสะเอวและยืนหลังค่อมราวกับคนแก่ไม่มีผิดทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องตกใจ ตาเอง ตามาช่วย ตาใจดีนะ และตาก็อยู่ดูแลบ้านนี้ด้วย แต่ตามาลำบากมาก”
เราทุกคนรีบพนมมือไหว้ด้วยความ กล้า ๆ กลัว ๆ ส่วนหลานสาวก็หลับตาพูดต่อไปว่า “ตามาปกป้องคุ้มครองทุกคน ในบ้านให้ปลอดภัย (ตาชี้มาทางฉัน) ตาสงสารคนนี้ นอนร้องไห้ทุกคืน”
คืนนั้นคุณตาได้แนะนำให้พวกเราปฏิบัติสิ่งดี ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเราปฏิบัติตามก็สามารถสัมฤทธิ์ผลได้ตามที่ท่านได้สั่งสอนจริง ๆ ฉันจึงตอบแทนคุณตา ด้วยการสร้างศาลตายายให้ท่าน
ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของฉันยังไม่ดีมากมายอะไรนัก แต่ฉันก็เชื่อว่า อานิสงส์ของการทำความดีมีอยู่จริง
ถึงแม้ฉันจะท้อไปบ้างในบางเวลา แต่เมื่อมีสติ ฉันก็จะรีบดึงตัวเองออกมาจากความทุกข์ ลุกขึ้นและพร้อมที่จะสู้ชีวิตต่อไป
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง สุมาลี ปรีชา