กาลครั้งหนึ่งมีนายทหารหนุ่มผู้องอาจคนหนึ่งนามว่า “โชติปาลกุมาร” เป็นผู้ที่มีความสามารถในเรื่องยิงธนูชนิดที่ไม่มีใครสู้ได้ในชมพูทวีป ชื่อเสียงของเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
วันหนึ่งเขาเปิดการแสดงศิลปะการใช้ธนูให้ประชาชนชม ปรากฏว่าได้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แม้แต่พระราชาก็ยังชื่นชมจนพระราชทานทรัพย์ให้เป็นอันมาก และตรัสกับเขาว่า พรุ่งนี้จะให้รับตำแหน่งเสนาบดี
ฝ่ายนายทหารหนุ่มโชติปาลกุมาร เมื่อได้ทรัพย์จากประชาชนผู้นิยมชมชื่นเขาแล้ว กลับคิดว่า บรรดาคนที่มอบทรัพย์ให้เขามานั้นล้วนยากจนกว่าเขา และด้วยความที่มีจิตเมตตา ไม่อยากให้คนเหล่านั้นต้องลำบาก เขาจึงคืนเงินให้คนที่มาดูไปทั้งหมด
คืนนั้นนายทหารหนุ่มนอนคิดถึงเรื่องการเข้ารับตำแหน่งเสนาบดี และคิดทบทวนว่า ศิลปะการยิงธนูมีประโยชน์อะไรบ้าง คิดแล้วก็พบคำตอบว่า ยิงไปแล้วทำให้คนอื่นตาย เมื่อสู้ชนะก็ได้รางวัล ซึ่งทำให้เขาหลงใหลอยู่ในกิเลส และสุดท้ายผลของการทำให้ผู้อื่นตายนั้นเองจะทำให้เขาต้องตกนรก
เมื่อคิดแล้วเห็นแต่ผลเสีย เขาจึงรีบหนีออกจากบ้านเข้าป่าแล้วบวชเป็นฤๅษี บำเพ็ญฌานอย่างตั้งอกตั้งใจจนได้ชื่อว่า “โชติปาลดาบส” ในเวลาต่อมาพระราชาและข้าราชบริพารเป็นอันมากก็ได้ออกบวชตาม
อยู่มาวันหนึ่ง กีสวัจฉดาบส ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของโชติปาลดาบสได้เข้าไปพักในอุทยานของ พระเจ้าทัณฑกี วันนั้นหญิงงามเมืองคนหนึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่ง นางรู้สึกเศร้าเสียใจมากจึงเดินวนเวียนร้องไห้อยู่ในอุทยาน และได้มาพบดาบสเข้า นางคิดว่า นี่คงจะเป็นคนกาลกิณีเข้ามาในอุทยาน และคิดว่านี่คงจะเป็นต้นเหตุให้นางถูกปลดจากตำแหน่ง จึงถ่มน้ำลายรดศีรษะของดาบสนั้นแล้วจากไป
ต่อมาพระราชาทรงระลึกถึงความดีบางอย่างของนาง จึงแต่งตั้งนางกลับขึ้นมาใหม่ ทำให้นางเข้าใจผิดคิดว่า ผลของการถ่มน้ำลายรดศีรษะดาบสทำให้ได้ตำแหน่งคืนมา
ครั้นเมื่อพระราชาทรงถอดปุโรหิตออกจากตำแหน่ง เขาจึงไปถามนางว่าทำอย่างไรจึงได้ตำแหน่งคืนมา นางก็เล่าเรื่องที่นางถ่มน้ำลายรดดาบสให้ฟัง เขาจึงทำอย่างนั้นบ้าง คิดว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ตนเอง
ต่อมาพระราชาทรงระลึกถึงความดีบางอย่างของเขา จึงแต่งตั้งเขากลับมาเป็นปุโรหิตดังเดิม เขาก็เข้าใจผิดว่าคงเป็นผลมาจากการถ่มน้ำลายรดดาบส
หลังจากนั้นได้เกิดจลาจลขึ้นที่ชายแดน พระราชาทรงเตรียมยกกองทหารไปปราบ ปุโรหิตจึงแนะนำว่า ถ้าหวังจะชนะควรเสด็จไปสะเดาะเคราะห์เสียก่อน พระราชาทรงหลงเชื่อคำของปุโรหิตจึงเสด็จไปยังอุทยานและบ้วนพระเขฬะลงบนศีรษะของดาบส เหล่าทหารทั้งมวลเห็นดังนั้นก็ทำตาม
เสนาบดีผู้หนึ่งเป็นคนดีมีคุณธรรม เมื่อมาเห็นดาบสอยู่ในสภาพอย่างนั้น จึงช่วยล้างสิ่งสกปรกออกจากศีรษะท่านและให้ท่านอาบร่างกายด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงเรียนถามท่านว่า จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับพระราชา
ดาบสตอบว่า อาตมาไม่มีใจจะประทุษร้ายพระราชาหรือผู้ใดเลย แต่เทวดาโกรธมากและจะทำบ้านเมืองให้พินาศ ฉะนั้นขอให้เสนาบดีรีบย้ายครอบครัวไปอยู่ที่อื่นเสีย
เมื่อท่านโชติปาลดาบสทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว จึงรีบส่งดาบสหนุ่มสองรูปไปรับกีสวัจฉดาบสผู้เป็นลูกศิษย์กลับมาสู่สำนักของตน
หลังจากพระราชาปราบจลาจลได้สำเร็จ ขณะกำลังเสด็จกลับเมืองนั้นเอง ฝนได้ตกอย่างหนัก มีทั้งฝนน้ำ ฝนดอกไม้ ฝนอาภรณ์ และท้ายที่สุดเป็นฝนอาวุธ
เมื่ออาวุธทั้งหลายตกลงมาบนร่างกายของชาวเมือง ชาวเมืองก็พากันล้มตาย บ้านเมืองจึงล่มสลายลงด้วยอำนาจแห่งเทวดา
มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า…
คนโง่ทำกรรมชั่วแล้ว เมื่อกรรมชั่วยังไม่ให้ผลและประสบผลดี ก็มักเข้าใจผิดคิดว่า นั่นคือผลแห่งกรรมชั่วที่ตัวกระทำ ครั้นเมื่อกรรมชั่วให้ผลจริงๆ ก็ย่อมจะพินาศแก้ไขอะไรไม่ได้
ดังนั้น เราจึงควรเชื่อมั่นในการทำความดี อย่าคิดว่ากรรมดีไม่ส่งผล
เพราะ…ทำดีต้องได้ดีแน่นอน
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย
photo by pixabay