คุณเคยถูกความเหงาและความโดดเดี่ยวเข้าโจมตีหัวใจเมื่อไกลบ้านบ้างไหม นาทีนั้นหากมีเพื่อนสักคนอยู่ข้างกาย ร่วมแบ่งปันสารทุกข์สุกดิบ…เพื่อนคนนั้นก็คงไม่ต่างไปจากของขวัญล้ำค่าที่คุณไม่อาจลืมเลือน (เพื่อนรักของฉัน)
แอมเบอร์ เด็กสาวชาวอเมริกัน เป็นคนหนึ่งที่เข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดี และพยายามหาคำตอบให้ตัวเองเสมอมา แม้เหตุการณ์นั้นจะล่วงผ่านมานานกว่า 8 ปีแล้วก็ตาม
8 ปีที่แล้ว ครอบครัวเบลีย์ ตัดสินใจส่ง แอมเบอร์ ลูกสาวผู้ขี้อายเป็นที่สุดไปเข้าค่ายศิลปะร่วมกับเด็ก ๆ จากต่างเมือง ด้วยหวังว่าศิลปะและเพื่อนใหม่จะผลักดันให้แอมเบอร์มีความกล้าและมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น ทว่าสำหรับแอมเบอร์แล้ว เธอกลับวิตกกังวลกับเวลา 12 วันต่อจากนี้ คิดไปต่าง ๆ นานา เช่น เธอจะถูกเพื่อนกลั่นแกล้งและล้อเลียนเหมือนที่โรงเรียนไหม เธอจะวาดรูประบายสีได้ไหม และที่สำคัญ เธอจะมีเพื่อนบ้างไหม
แทบไม่น่าเชื่อว่าที่ค่ายศิลปะนี้กลับไม่มีใครล้อเลียนหรือแกล้งเธอเลย แม้แต่บรรดาเด็กตัวแสบต่างก็เพิกเฉยกับแอมเบอร์ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ก็แทบจะไม่สนใจแอมเบอร์เลย พูดคุยกับเธอเฉพาะเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ยิ่งเมื่อต้องทำงานเป็นคู่ แอมเบอร์ก็มักเป็นคนเดียวที่ “เหลือเลือก” เสมอ ทำให้เธอต้องทำงานคนเดียวอยู่บ่อย ๆ
สำหรับแอมเบอร์แล้ว แม้จะถือเป็นข้อดีที่ไม่ถูกกลั่นแกล้ง แต่นั่นกลับเป็นการเปิดช่องให้ความเหงา ความโดดเดี่ยวเข้าโจมตีหัวใจน้อย ๆ มากขึ้นทุกวัน ๆ…เวลา 5 วันที่ผ่านไปจึงดูเนิ่นนานไม่ต่างไปจาก 5 ปี
ทุกค่ำคืนแอมเบอร์จึงได้แต่ร้องไห้กับตัวเองและวิงวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยหวังว่าหากปาฏิหาริย์มีจริง เวลาอีก 7 วันที่เหลือเธอคงมีความสุขขึ้นมาบ้าง หากได้มีเพื่อนสักคนที่เข้าใจ
ดูเหมือนว่าคำวิงวอนของแอมเบอร์จะเป็นผล เย็นวันหนึ่งขณะแอมเบอร์เดินเล่นอยู่ริมลำธาร เธอได้พบกับ แซมมี่ เด็กหญิงนัยน์ตาสีฟ้าที่วิ่งเข้ามาทักทายอย่างดีใจพร้อมกับเสนอตัวขอเป็นเพื่อน แรกทีเดียวแอมเบอร์แทบไม่อยากเชื่อว่าเหตุใดแซมมี่จึงอยากเป็นเพื่อนกับเธอ รวมทั้งรู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่
ทว่าท้ายที่สุดความสงสัยก็หมดไป เพราะความเข้าใจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกลับมีมากกว่า ทั้งสองเข้ากันได้ดี พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง มีความสนใจในศิลปะเหมือน ๆ กัน และแม้ว่าเด็กหญิงทั้งสองจะได้เจอกันเฉพาะช่วงเย็นเพราะแซมมี่อ้างว่าเธอต้องช่วยงานทางบ้านก่อน…แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับมิตรภาพอันยิ่งใหญ่นี้
ตั้งแต่วันที่แซมมี่ก้าวเข้ามาในโลกเหงา ๆ ของแอมเบอร์ เด็กหญิงก็เปลี่ยนไปจนคุณครูแปลกใจ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มบนใบหน้า ความกล้าแสดงออกที่มีมากขึ้น เสียงหัวเราะ และสารพัดเรื่องราวเกี่ยวกับแซมมี่…เพื่อนใหม่ของเธอที่แอมเบอร์ชอบเล่าให้แม่ฟังทางโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
7 วันที่เหลือในค่ายจึงผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับเวลาของแอมเบอร์กับแซมมี่ด้วยเช่นกัน เย็นวันนั้นทั้งสองพูดคุยกันอย่างยาวนาน เล่นทุกอย่างที่อยากเล่น หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แลกของขวัญกัน และปิดท้ายด้วยการที่แซมมี่มาส่งแอมเบอร์ถึงห้องพักทั้งน้ำตาราวกับว่านี่คือการลาจากชั่วนิรันดร์ของเพื่อนรักทั้งสองคน
เช้าวันต่อมา ด้วยความสงสัยเต็มกำลัง แอมเบอร์จึงเข้าไปถามคุณครูถึงแซมมี่ เด็กหญิงนัยน์ตาสีฟ้า อธิบายลักษณะกันอยู่นานจนได้คำตอบจากคุณครู…เป็นคำตอบที่ทำให้แอมเบอร์ถึงกับทรุดตัวร่ำไห้อย่างไม่อายใคร
แซมมี่เป็นเด็กหญิงขี้อายเหมือน ๆ กับแอมเบอร์นั่นเอง ครอบครัวของเธอส่งเธอมาเข้าค่ายศิลปะเมื่อปีที่แล้ว แต่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุรถตกไหล่เขาอีกเพียงไม่กี่ไมล์ก่อนจะถึงค่าย แซมมี่เสียชีวิตทันที!
นาทีนั้นแอมเบอร์รับรู้แต่เพียงว่า เธอได้สูญเสียแซมมี่ไปอย่างไม่มีวันกลับ และไม่ว่าแซมมี่เด็กหญิงนัยน์ตาสีฟ้าจะเป็นใคร มาจากไหนก็ตาม เธออยากให้แซมมี่รับรู้ไว้เพียงสั้น ๆ ว่า “แซมมี่คือเพื่อนรัก เพื่อนที่ดีที่สุดของแอมเบอร์ตลอดไป”
(เพื่อนรักของฉัน)
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์
บทความน่าสนใจ
“ม้านั่งเพื่อนรัก” ไอเดียของเด็กพิเศษ ช่วยหาเพื่อนให้เด็กที่โดดเดี่ยว