เอก - สรพงษ์ ชาตรี ชื่อนี้คือพระเอกดาวค้างฟ้าผู้ถ่อมตัว

เอก – สรพงษ์ ชาตรี พระเอกดาวค้างฟ้าผู้ถ่อมตัว

สรพงษ์ ชาตรี ชื่อนี้แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เขาคือพระเอกอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่มีความสามารถทางการแสดงสูง แต่กลับถ่อมตัวว่าตนไม่ใช่นักแสดงที่เก่งกาจสามารถนัก ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงยืนยงและยาวนานอยู่ในวงการบันเทิงมาจนถึงปัจจุบัน แต่เส้นทางชีวิตของสรพงษ์ ชาตรีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย

เด็กบ้านนาที่ไม่มีรองเท้าใส่

สรพงษ์ ชาตรีเกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียนจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เขาเล่าว่า “ผมก็เป็นเด็กบ้านนอกบ้านนา เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียนหนังสือจบแค่ประถมศึกษาปีที่ 4 ไม่มีรองเท้าใส่ ต้องเดินเท้าเปล่า ตอนไปเรียนก็พายเรือไป พอถึงช่วงหน้าน้ำลดต้องถกขากางเกงเดินลุยโคลนไปเรียนหนังสือ ”

ชีวิตวัยเด็กก็ลำบาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตกกลางคืนต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงกระป๋อง ของเล่นในวัยเด็กของเขาคือยางหนังสติ๊กโยนให้ลงหลุม หลังจากเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ก็พบว่าการเรียนต่อระดับมัธยมศึกษานั้นไม่มีความสุขเลย เรียนไปได้ 7 วันก็ขอที่บ้านลาออก ที่บ้านก็ว่าถ้าไม่เรียนหนังสือก็ต้องทำอะไรสักอย่างจึงแนะนำให้สรพงษ์บวชเป็นสามเณรที่วัดเทพสุวรรณ 2 ปี แล้วมาจำวัดที่วัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ฝั่งธนบุรี ประมาณ 6-7 ปี และลาสิกขาบทในปี พ.ศ 2512

เข้าสู่เส้นทางอาชีพในวงการบันเทิง

ด้วยเป็นคนที่ชอบดูหนังมาตั้งแต่เด็ก ตอนบวชเป็นสามเณรก็ได้ดูบ้างในช่วงที่มีงานวัด จึงอยากรู้ว่าเขาถ่ายหนังกันอย่างไร แสดงกันอย่างไร เขาต่อยกันจริงไหม และได้รู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อ “รุ่งเรือง ธรรมรัตน์” อาศัยอยู่แถวสี่แยกคอกวัว ก็เปรยกับพี่เขาว่า อยากเห็นวงการหนัง บังเอิญเขาเป็นเพื่อนกับพันคำ-พร้อมสิน สีบุญเรือง ผู้กำกับที่โด่งดังในยุคนั้น เขาจึงเขียนจดหมายให้สรพงษ์ไปยื่นกับคุณพันคำ พอไปถึงเขาก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่เปิดกล้อง ไว้ให้เณรสึกก่อนค่อยมาสมัคร จึงตัดสินใจสึกทันที พอนำจดหมายมายื่นอีกครั้งก็ยังไม่เปิดกล้องอยู่ดี คุณพันคำจึงเขียนจดหมายฝากตัวให้ไปยื่นกับอีกกองถ่ายหนึ่ง จึงมีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับวงการหนังสมใจ งานแรกที่ทำคือเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง “นางไพรตานี” (ฉายทางช่อง 7) แล้วเลื่อนมาเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครและหนังอีกหลายเรื่อง จนกระทั่งคุณสุรพงศ์ โปร่งมณี ซึ่งเป็นคอสตูมให้กับละโว้สตูดิโอได้ฝากสรพงษ์ไว้ช่วยงานหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งท่านทรงกลับมาจากการศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา วันแรกที่ได้พบท่านมุ้ย ท่านให้แสดงฉากช่วยคนจมน้ำ ซึ่งสรพงษ์แสดงออกมาได้ดี หลังจากนั้นไม่นาน ท่านมุ้ยกำลังเตรียมเปืดกล้องถ่ายหนังเรื่องใหม่ ก็ให้ไปเรียนดำน้ำอยู่กับท่านนานถึง 7 วัน และแล้วท่านก็ได้เมตตาให้ย้ายมาอาศัยอยู่ใกล้ท่านที่วังละโว้เพื่อที่จะได้เรียกใช้งานได้ง่าย