ทำงานอย่างไรให้มีความสุข ธรรมะน่าคิดจาก ท่าน ว.วชิรเมธี
ทำงานอย่างไรให้มีความสุข หลักการมันง่ายนิดเดียว ต้องทำในสิ่งที่เรารัก หรือมิเช่นนั้นก็ต้องรักในสิ่งที่เราทำ ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารัก เราไม่ต้องแยกความสุข ออกจากการทำงาน แค่เราได้ทำงานก็มีความสุขแล้ว พระอาจารย์มักจะถูกถามเสมอว่า อะไรคือความสำเร็จในชีวิต
พระอาจารย์พูดได้เลยว่า การที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เพราะว่าการที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก รางวัลมันมาเลย 1. เราจะทำสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นความถนัดส่วนตัวของเราใช่ไหม เพราะมันเป็นความถนัดส่วนตัวของเรา เรารักมัน ฉะนั้นเราจึงทำได้เป็นอย่างดี เหมือนพี่เบิร์ดรักการร้องเพลง พี่เบิร์ดพอทำปุ๊บพี่เบิร์ดก็จะมีความสุขทันที แล้วไม่ต้องขัดเขินด้วย ทำอย่างง่ายดายในขณะที่มันยากสำหรับคนอื่นเพราะเขาไม่รัก แต่สำหรับพี่เบิร์ดมันง่ายมากเพราะพี่เบิร์ดรักมันใช่ไหม ฉะนั้นถ้าเรารักสิ่งไหนสิ่งนั้นจากยากจะกลายเป็นง่ายทันที
และ 2. ความสุขจะอยู่ตรงนั้น คุณไม่ต้องไปแยกความสุขออกจากการทำงาน ว่าช่วงนี้เราขอทำงานก่อน เสาร์อาทิตย์ค่อยไปหาความสุขไม่ต้อง ถ้าคุณรักสิ่งใดคุณได้ทำสิ่งนั้น ความสุขจะเป็นฝาแฝดของงานโดยอัตโนมัติ คุณทำในสิ่งที่คุณรัก คุณจะได้รับความสุขเป็นของกำนัล และไม่ต้องรอเวลาถัดไปด้วย เกิดขึ้นตรงนั้นเลย พระอาจารย์เทศน์ทุกวันสอนทุกวันเขียนหนังสือทุกวัน พระอาจารย์มีความสุขทุกวัน
ฉะนั้นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของพระอาจารย์ คือ ความสุข พอเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราก็มีความสุข สุขทุกวันที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ฉะนั้นก็สำเร็จทุกวัน ชีวิตประสบความสำเร็จทุกวัน เพราะเราเอาความสุขเป็นตัวตั้งในการทำงาน แต่ถ้าเรารอว่าเมื่อเราทำงานไปแล้วคนมาให้รางวัล ได้เงินเยอะ ๆ ถึงจะมีความสุข ถึงจะถือวาสสำเร็จ ถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อไรก็ไม่รู้ความสำเร็จจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา บางคนทำงานแทบล้มแทบตาย ทำงานเหมือนกับพัดลมเลย คือเป่าให้คนอื่นเย็น แต่ไดนาโมของพัดลมมันร้อนมากเลยนะ ยิ่งทำตัวเองยิ่งคุณภาพชีวิตแย่ลง
ฉะนั้นการทำงานในสิ่งที่จะทำให้เราทำงานไปมีความสุขไป 1. ต้องทำในสิ่งที่เรารัก แล้วก็ 2. เราต้องรักในสิ่งที่เราทำ ถ้าเราทำ 2 อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะได้รับความสุขเป็นของกำนัลทันทีทันควัน แต่ถ้าเราไปทำในสิ่งที่เราไม่รักในสิ่งที่เราทำ เราจะเหมือนพัดลม ที่เอาไดร์เป่าให้คนอื่นเย็น แต่คุณภาพชีวิตไม่ดี คุณภาพจิตไม่ดี คุณภาพกายไม่ดี ส่งผลคุณภาพงานก็ไม่ดี ดังนั้นหลักประการที่ 1 ก็คือจงค้นหาสิ่งที่รักให้พบ แล้วอยู่กับสิ่งนั้น แลวทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แล้วเราจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป เพราะอะไรเพราะว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราหายใจโดยไม่เคยต้องพยายามเลยใช่ไหม แต่เราก็มีความสุข เช่นเดียวกันถ้าเราทำงานโดยที่เราไม่รู้สึกว่าต้องพยายามเลย ฉันก็ทำในสิ่งที่ฉันรัก ใครไม่ต้องสั่ง ฉันทำของฉันทุกวันอยู่แล้วแค่นี้ ถ้าเรารู้สึกอย่างนี้ได้ ถ้าเรารู้สึกต่อการทำงานเหมือนการหายใจ คือไม่ต้องบังคับเฉย ฉันอยากทำเพราะฉันมีความสุขที่ได้ทำ ถ้าใครได้อย่างนี้ คนนั้นจะโชคดีมากเลยนะ โชคดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ
ฉะนั้นเราไปดูคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนเลย เขาทำในสิ่งที่เขารักทั้งนั้น บิลเกตส์ก็รักการเขียนโปรแกรม รักมากจนกระทั่งว่ารอให้เรียนจบไม่ไหว มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กก็รักมากในการที่จะพัฒนาโปรแกรมของเขา รักมากทนไม่ไหวก็ลาออกมาอยู่กับสิ่งที่รักอีก เดอะบิทเทิลนะวงดนตรีมหัศจรรย์ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของโลก รักที่จะเล่นดนตรี รอให้เรียนจบไม่ไหว อยู่ในช่วงมัธยมต้นตั้งวงดนตรีเรียบร้อยแล้ว ตระเวนเล่นไปทั่วลิเวอร์พูล ลามไปถึงต่างประเทศอย่างเยอรมัน และประเทศใกล้เคียง ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ นี่คือคนที่ประสบความสำเร็จ เขาทำยังไง เขาทำในสิ่งที่รัก สตีฟ จอบส์ถูกไล่ออกจากบริษัท แต่สุดท้ายก็เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลกของคอมพิวเตอร์ โลกของเทคโนโลยี แกไม่ไปทำอย่างอื่นเลย เพราะอะไร แกไม่รัก แกรักเทคโนโลยี รักการผลิต รักนวัตกรรม แล้วแกก็อยู่กับสิ่งนั้น สุดท้ายแกก็ประสบความสำเร็จ แล้วก็มีชีวิตที่ใช่ เพราะเขาอยู่กับการงานที่ชอบ ฉะนั้นถ้าเราได้ทำในสิ่งที่รัก เราจะค้นพบภาวที่ยอดเยี่ยมของชีวิตนั่นก็คือชีวิตที่ใช่กับงานที่ชอบ
ถอดความ : สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ตอน พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี วันที่ 1 มกราคม 2559 (1/2)
ภาพ : www.pexels.com