ถ้า ทำบุญมาก วิบากกรรมจะลดลงหรือไม่ เบื้องหลังการทำงานของบุญ โดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปัญโญ
การ ทำบุญมาก จะช่วยลดวิบากกรรมลงได้หรือไม่ หรือพลังแห่งบุญจะช่วยลดพลังแห่งบาปที่ทำไว้ได้ไหม มาหาคำตอบไปด้วยกันกับบทความธรรมะของพระอาจารย์ชาญชัย อธิปัญโญ
ในชีวิตของแต่ละคน มันมีกำลัง 2 อย่างอยู่ในจิตใจ ความดีที่เราทำทุกครั้งเป็นกำลังฝ่ายบุญ ความชั่วที่เราทำทุกครั้งเป็นกำลังฝ่ายบาป ที่มันสะสมอยู่ในใจของเรา ในใจของเราจึงเป็นการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความชั่ว ฝ่ายไหนมีกำลังมาก ฝ่ายนั้นมันชนะเลย บางทีเราก็ยับยั้งชั่งใจ จะไปดีหรือไม่ไปดี สถานที่นั้นไม่ไปดีกว่า แสดงว่าเราหักห้ามที่จะไม่ไปตาม แต่บางทีรู้ว่าไม่ดีก็ยังไปอีก ไปเที่ยวดีไหมหนอ วันนี้เพื่อนชวนไป จะไปย่ำราตรีสักหน่อย ไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เที่ยวอะไรต่าง ๆ จะไปดีหรือไม่ ตัดสินใจแล้วนะ สู้แล้วนะ แล้วถามว่าไปหรือไม่ไป ผลสุดท้ายไปไหม เราก็รู้ว่าไปแล้ว มันก็เสียสุขภาพ กว่าจะกลับก็ดึกดื่น เสียเงินเสียทอง แล้วบางทีมันเสียอย่างอื่นมากกว่านี้อีก สร้างนิสัยที่เสีย แล้วไปมีเรื่องมีราวกลับมาอีก โทษของมันมากเยอะแยะเลย แต่มันเอาแค่ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ มันก็คิด คิดต่อสู้กัน ระหว่างฝ่ายดีกับฝ่ายชั่ว ถ้าเราตัดสินใจว่า ไปดีกว่า แสดงว่าฝ่ายชั่ว มันมีกำลังมากกว่าฝ่ายดี ถ้าเราว่าไม่ไป วันนี้ยังไงก็ไม่ไป บอกเพื่อนไปว่า ไม่สะดวกที่จะไป แสดงว่าฝ่ายรักดี มันมีกำลังมากกว่าฝ่ายรักชั่ว สิ่งเหล่านี้เองที่มันตอบออกมาเป็นพฤติกรรมของเรา แล้วก็เป็นกรรม
พฤติกรรมก็คือกรรมที่เราทำไป ทำอย่างไรมันก็ได้รับผลอย่างนั้นแหละ ก็จะได้มีความเข้าใจ บางทีมันมีอยู่ที่พื้นฐานจิตของแต่ละคนด้วย พื้นฐานจิตก็คือต้นทุน ส่วนหนึ่งมันมาจากอดีตชาติ อีกส่วนหนึ่งมาจากที่เราสร้างไว้ในชาติปัจจุบัน ที่มันเป็นนิสัยของเรา นิสัยก็เป็นพื้นฐานจิตนั่นเอง เป็นต้นทุนของจิต เราใช้ในการขับเคลื่อนพฤติกรรมของเรา หรือดำเนินชีวิตของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าเราเข้าใจหลักของกรรมอันนี้แล้ว เราก็จะได้สังวรระวังว่า สิ่งไหนไม่ดี เราก็จะไม่ทำ เราจะทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ส่วนที่ไอ้ทำไปแล้ว มันก็ต้องรับผล ที่เรามีปัญหา มีอุปสรรค มีความทุกข์ให้เข้าใจเลยว่า ขณะนั้นแหละฝ่ายสิ่งที่ไม่ดีที่เราทำไว้ มันมีกำลังส่งผลมา ส่งกุศลกรรมที่เราทำไว้ มันข่มเอาไว้อยู่ ยามใดเรามีความสุข มีความสำเร็จ ฝ่ายกรรมดี ฝ่ายอกุศลกรรมของเราส่งผลอยู่ มันไม่ข่มฝ่ายความชั่วเอาไว้ แล้วกรรม 2 ประเภทนี้ทั้งดีทั้งชั่ว มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มันไม่คงที่ เพราะเราสร้างพฤติกรรมของเราอยู่ทุกวันเลย
การสร้างพฤติกรรมนี้ไปเติมกำลังของกรรมเก่ากรรมใหม่ กรรมดี กรรมชั่ว สร้างได้ 3 ทาง กาย วาจา ใจ นี่แหละ แค่คิดไม่ดี มันก็ไปเติมฝ่ายกำลังไม่ดีแล้ว คิดดี มันก็ไปเติมกำลังฝ่ายบุญแล้ว พูดเหมือนกัน ทำก็เหมือนกัน แล้วแต่ละวัน ๆ เราสร้างพฤติกรรม ทั้งคิดทั้งพูดทั้งทำมากมายเหลือคณานับ ยากที่จะจดจำ ฝ่ายบุญกำลังตก ฝ่ายบาปกำลังมันแรง ทุกครั้งที่เราทำดี เราเพิ่มสปีดความเร็วของเรา ให้วิ่งเร็ว จะเร็วกว่าหมาหรือไม่เร็วกว่าหมา ก็ดูสปีดของหมา เพราะสปีดของหมาก็คือความเร็วของหมา กรรมชั่วที่เราทำไว้ คือกำลังสปีดของหมาที่มันวิ่งไล่เราอยู่ เห็นไหม แล้วถามว่าถ้าเราอยากจะหนีหมา ไม่ให้มันกัดเรา เราก็ต้องเพิ่มสปีดของเรา อะไรไม่ดี อย่าไปทำอีกเลย ทำแล้วมันไปเพิ่มสปีดของหมา อะไรดี ทำมาก ๆ เราจะได้วิ่งหนีมันไปเรื่อย ๆ มันก็ไล่เราจนกระทั่ง ตายไปแล้ว มันยังวิ่งไล่อีก
ถ้าตกนรก มันจ่อกัดเลย เป็นสัตว์เดรัจฉานมันก็กัดอยู่ เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นมนุษย์มันก็วิ่งไล่กัด ไปบนสวรรค์มันพักเอาไว้ก่อน พระอรหันต์ที่ยังไม่ดับขันธ์นิพพาน ยังไม่ตายไปก็ยังถูกหมากัดเลย ก็ต้องได้รับผลของวิบากกรรมอยู่ ต้องชดใช้วิบากกรรมอยู่ ท่านจึงต้องอาพาธ พระพุทธเจ้ายังถูกเขาใส่ร้ายเลย นี่เป็นผลเพราะวิบากกรรม เมื่อนิพพานไปแล้วนั่นแหละ ถือว่าเป็นอโหสิกรรม เพราะไม่มีชีวิตที่จะต้องไปรับผลอีกแล้ว ดีก็ไม่ต้องไปรับ ชั่วก็ไม่ต้องไปรับ กรรมทั้งหลายที่ทำไว้ ถือว่าเป็นอโหสิกรรมโดยสิ้นเชิง นี่แหละ ชีวิตจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อนิพพานเท่านั้นเอง ถ้ายังไม่นิพพาน เกิดมาทุกชาติก็มีปัญหา มีอุปสรรคมีความทุกข์ เว้นแต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ได้ทำไว้ด้วยตัวเองทั้งนั้นเลย
ถอดความ : สุขทุกวัน7วัน7กูรู ตอน ธรรมะ ใกล้ ตัว โดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ 27 ก.พ. 60 (1/2)
ภาพ : www.pexels.com
บทความน่าสนใจ
ใหม่ สุคนธวา ทำบุญใหญ่ไถ่ชีวิตโคท้องจากโรงฆ่าสัตว์
“มาช่า” ทำบุญต่อเนื่อง จัดข้าวกล่องช่วยคนตกงานหลังโอนเงินแสนช่วยช้าง
นุ่น-ต๊อด ทำบุญกฐิน สร้างอุโบสถวัดทางภาคเหนือ มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทุนการศึกษาให้กับ 7 โรงเรียน
ลูกชายด่วนจากไป พ่อแม่ทำบุญใหญ่ บริจาคอวัยวะของลูก ช่วยต่อชีวิตคนถึง 4 ชีวิต
