วิบากกรรมที่ทำให้ อัมพปาลี เกิดเป็นหญิงงามเมือง – Secret
“โอปปาติก” (โอป-ปา-ติ-กะ) หมายถึงผู้ที่เกิดเองโดยไม่มีพ่อแม่ ส่วนมากมักเป็นอมนุษย์ เช่น เทวดา สัตว์นรก เปรต อสุรกาย แต่มีมนุษย์นางหนึ่งที่เกิดเองโดยไม่ได้ผ่านครรภ์ของมารดา นางมีชื่อว่า อัมพปาลี
สมัยอดีตพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระนามว่า พระสิขีพุทธเจ้า มีพระเถรีรูปหนึ่งบูชาพระเจดีย์ด้วยการเดินประทักษิณเวียนขวา เมื่อพระเถรีผู้เป็นพระอรหันต์เดินประทักษิณอยู่ก่อนแล้ว พระเถรีผู้มาใหม่พลันถ่มน้ำลายลงบนลานพระเจดีย์โดยไม่ตั้งใจ พอเดินประทักษิณเข้าสู่รอบถัดไปกลับเหยียบก้อนน้ำลายของตนเอง จึงคิดเคืองหาว่าก้อนน้ำลายที่ตนเหยียบเป็นน้ำลายของพระเถรีผู้เป็นพระอรหันต์ พระเถรีโกรธเคืองจึงด่าทอพระเถรีรูปนั้นไปว่า “นางแพศยา“
สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ได้บวชเป็นพระเถรี รักษาศีลภิกษุณีอย่างเคร่งครัด และอธิษฐานขอไม่เกิดในครรภ์ของสัตว์ใดใด ขอเกิดแบบอุปปาติกะ คือเกิดเองโดยอาศัยพ่อแม่ เมื่อพระเถรีสิ้นบุญก็เกิดเป็นหญิงงาม เพราะอานิสงส์จากการถือศีลอย่างเคร่งครัดในอดีตชาติ เมื่อปฏิเสธการเกิดในครรภ์ จึงเกิดที่โคนต้นมะม่วงในพระราชอุทยาน กรุงเวสาลี
พนักงานเฝ้าอุทยานเห็นหญิงสาวที่เกิดจากโคนต้นมะม่วงแล้วเกิดความเอ็นดูรักใคร่ จึงตั้งชื่อให้นางว่า “อัมพปาลี” บรรดาเจ้าชายลิจฉวีเมื่อเห็นนางอัมพปาลีต่างหลงรักอยากได้นางเป็นชายา ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน เรื่องรู้ถึงเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี จึงนำคดีนี้ขึ้นพิพากษา ศาลตัดสินว่าต้องยกให้นางอัมพปาลีเป็นหญิงงามเมือง ไม่สามารถยกให้เจ้าชายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งได้ นางต้องรับใช้ปรนนิบัติเจ้าชายทุกพระองค์
สันนิษฐานว่า สาเหตุที่ศาลตัดสินเช่นนี้คงเนื่องมาจากกรณีของเจ้าหญิงอภิรูปนันทา ความงามของพระนางทำให้บรรดาจ้าชายวงศ์ศากยะทะเลาะวิวาทกันเอง เพื่อแย่งชิงพระนางเป็นชายา แม้จะมีพระคู่หมั้น ก็ถูกเจ้าชายศากยะพระองค์ใดพระองค์หนึ่งลอบสังหารจนสิ้นพระชนม์ สุดท้ายพระบิดาและพระมารดาต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งไปบวชเป็นภิกษุณี
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านชะตากรรมของนางอัมพปาลีต่อไป