พุทธรักขิต นกแขกเต้าเจริญสติปัฏฐาน
ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จแสดงธรรมไปในมหาชนบททั้งหลาย แคว้นกุรุเป็นแคว้นหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรม แล้วทรงแสดงธรรมไว้ถึง 7 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ มหานิทานสูตร มหาสติปัฏฐานสูตร สาโรปมสูตร รุกขูปมสูตร รัฏฐปาลสูตร มาคัณฑิยสูตร และอานัญชสัปปายสูตร
พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบายเหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่นี่หลายเรื่องเพราะ ชาวกุรุเป็นผู้มีกำลังปัญญา สามารถฟังธรรมของพระองค์ได้ รวมทั้งบรรยากาศร่มรื่น ทำให้ชาวแคว้นแห่งนี้มีใจที่เปิดรับฟังธรรมของพระองค์
ถึงชาวกุรุจะได้รับคำสอนเรื่องสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นคำสอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อให้เห็นธรรมได้จากการพิจารณากาย, เวทนา (ความรู้สึก) , จิต และ ธรรม และยังปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังเจริญสติปัฏฐาน 4 เช่นเดียวกัน สัตว์ตัวนั้นคือนกแขกเต้าที่มีชื่อว่า “พุทธรักขิต”
มีหญิงช่างฟ้อนรำนางหนึ่งจับลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว้ และฝึกให้มันพูดภาษาคนได้ นางเดินทางไปแสดงฟ้อนรำที่ใดก็จะพาลูกนกตัวนี้ไปด้วยเสมอ จนกระทั่งมาถึงแคว้นกุรุ นางขออนุญาตพระเถรีพักค้างแรมในสำนักภิกษุณี แต่พอถึงวันที่นางต้องออกเดินทาง กลับลืมเจ้านกแขกเต้าไว้
สามเณรีจึงเลี้ยงนกแขกเต้าตัวนี้แทน และตั้งชื่อนกน้อยว่า “พุทธรักขิต” ซึ่งมีความหมายว่า “พุทธรักษา” วันหนึ่งพระเถรีรูปหนึ่งขานชื่อของมัน นกน้อยขานรับว่า “มีอะไรคะ ท่านแม่” พระเถรีถามต่อว่า “เจ้าเจริญภาวนาอย่างไรบ้าง” นกแขกเต้าตอบ “ไม่มีเจ้าค่ะ ท่านแม่”
“เจ้าพุทธรักขิต ผู้ที่อยู่ในอาวาสแห่งนี้ ควรเจริญภาวนาอะไรบ้างนะ แต่เจ้าเป็นเดรัจฉาน คงปฏิบัติเจริญภาวนาได้ไม่ดีนัก นั่นเจ้าจงบริกรรมคำว่ากระดูกเถิด” เจ้าพุทธรักขิตก็ตั้งมั่นในคำสอนของพระเถรี มันก็เที่ยวบริกรรมคำว่า “กระดูก” มาโดยตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งพุทธรักขิตกำลังผึ่งแดดอยู่บนกิ่งไม้ นกใหญ่ตัวหนึ่งก็ใช้กรงเล็บจับตัวนกน้อยไว้ ด้วยความตกใจพุทธรักขิตก็ร้องขอความช่วยเหลือ สามเณรีทั้งหลายเห็นพุทธรักขิตถูกจับตัวไปก็พากันปาหินใส่นกใหญ่ เพื่อให้มันปล่อยพุทธรักขิตลงมา
เมื่อพุทธรักขิตพ้นจากอันตรายแล้ว พระเถรีได้เข้ามาแล้วถามมันว่า “ตอนที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าคิดอะไรอยู่” นกน้อยตอบทันทีว่า “ท่านแม่เจ้าขา ดิฉันคิดถึงกองกระดูกเท่านั้นว่า กองกระดูกนั้นแหละที่นกใหญ่จับไป กองกระดูกจะเกลื่อนกลาดไป ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม” พระเถรีกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วเจ้าพุทธรักขิต การเจริญภาวนาของเจ้าจะเป็นปัจจัยหลังจากเจ้าสิ้นไปแห่งภพเดรัจฉาน”
หมายความว่า หากเจ้าพุทธรักขิต นกแขกเต้าผู้เป็นที่รักของบรรดาสามเณรีทั้งหลายในอารามแห่งนี้ หากมันยังยึดบริกรรมเจริญสติปัฏฐานเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง แม้จะตื่นตกใจก็ไม่หลุดจากการเจริญสติปัฏฐาน 4 เมื่อตายจากไป พลังแห่งการเจริญภาวนาก็จะนำพามันไปสู่สุคติภพ คือเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์ พ้นจากภพแห่งเดรัจฉานอย่างสิ้นเชิง
ที่มา :
ภาพ :
บทความน่าสนใจ
พญานกแขกเต้ากับต้นมะเดื่อเพื่อนรัก
วิบากกรรมของปลากปิละ ปลาปากเหม็นที่มีเกล็ดเป็นทองคำ
แม่ไก่ฟังธรรม ได้เกิดเป็นธิดากษัตริย์