หลวงปู่แหวน สุจิณโณ มรณภาพที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ซึ่งหากนับเนื่องถึงวันนี้ก็ครบ 33 ปีแล้วที่ท่านได้ละสังขารไป
หลวงปู่แหวน เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ณ บ้านหนองบอน ตำบลนาโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดเลย มีนามเดิมว่า “ญาณ” ซึ่งมีความหมายว่า ปรีชา กำหนดรู้ ซึ่งเป็นชื่อที่บิดาคือนายใส กับมารดา นางแก้ว รามศิริ ตั้งให้
เมื่อมีอายุได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของโยมแม่ก็มีแต่ทรงกับทรุด กระทั่งวันสุดท้ายโยมแม่ก็ได้เรียกหลวงปู่แหวนให้เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า
“ลูกเอํย… แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใดๆ ในโลกนี้ล้วนกี่โกฎก็ตาม แม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียนะ…”
พอหลวงปู่แหวนพยักหน้ารับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของโยมแม่ก็ออกจากร่างไป
หลังจากนั้นอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่ง ขณะที่โยมยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟังในวันรุ่งขึ้นว่า
“เมื่อคืนนี้ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลืองอร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวชเป็นแน่แท้”
เมื่อหลวงปู่แหวนมีอายุได้ 13 ปี โยมยายก็ได้เรียกท่านพร้อมกับหลานชายอีกคนหนึ่งที่เป็นญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกันเข้าไปหาแล้วพูดว่า “ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็นสามเณร เมื่อบวชแล้วไม่ต้องสึก เจ้าจะบวชได้ไหม”
พูดจบโยมยายก็หันมามองหลวงปู่แหวนอย่างตั้งใจฟังคำตอบ หลวงปู่แหวนพยักหน้ารับ พอใกล้เข้าพรรษา โยมยายก็ตระเตรียมเครื่องอัฐบริขารจนครบเรียบร้อย แล้วจึงได้พาเด็กชายทั้งสองเข้าถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า โกนผมบวชเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อจาก “เด็กชายญาณ” เป็น “สามเณรแหวน” นับแต่นั้น
ตลอดพรรษาที่ได้บรรพชาเป็นสามเณร หลวงปู่แหวนได้แต่ทำวัตร สวดมนต์บ้างตามโอกาส นอกจากนั้นก็ใช้เวลาไปในทางเล่นซุกซนตามประสาเด็ก พระอาจารย์อ้วนซึ่งมีศักดิ์เป็นอาเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ จะทำให้สามเณรไม่มีความรู้ จึงพาไปถวายตัวเป็นศิษย์ที่วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อได้อาจารย์ดีบวกกับมีความมุ่งมั่นในสมณเพศ ทำให้หลวงปู่แหวนสามารถอ่านตำราใบลานได้ทั้งภาษาขอม และภาษาล้านนาจนแตกฉานในเวลารวดเร็ว กระทั่งมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทในฝ่ายมหานิกายที่วัดแห่งเดิมนี้ แต่ด้วยอุปนิสัยชอบฝึกปฏิบัติ ทำให้หลวงปู่แหวนเลือกทางเข้าป่าธุดงค์กรรมฐานหาความวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพรเป็นนิจสิน
การออกเดินทางธุดงค์ไปในที่ต่างๆ นี้เองที่ทำให้หลวงปู่แหวนได้พบกับสหายธรรมมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้ซึ่งทำให้หลวงปู่แหวนบังเกิดความซาบซึ้ง เสมือนหนึ่งได้พบทางแห่งธรรมที่แสวงหา จึงขอศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี
ปี พ.ศ. 2478 หลวงปู่แหวนในวัย 48 ปี ได้พบกับท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นจุดพลิกผันในการเปลี่ยนการถือบวชจากมหานิกายเป็น “ธรรมยุติ” โดยได้รับฉายาว่า “สุจิณโณ”
หลังจากนั้นท่านได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ จนล่วงเข้าปี พ.ศ. 2489 ขณะมีอายุได้ 59 ปี หลวงปู่แหวนตัดสินใจจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ต่อมาท่านมีอาการอาพาธเป็นแผลที่ขา ซึ่งอักเสบจนต้องผ่าตัด ดีว่าได้พระหนู สุจิตโต ซึ่งกาลต่อมาคือพระครูจิตตวิโส ธนาจารย์ เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง เดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งอยู่ดูแลใกล้ๆ
วันหนึ่งพระหนูก็ดำริว่า หลวงปู่แหวนมีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐาก ถ้านิมนต์ไปอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่าย ไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด มิได้นำเสนอออกมา เพราะในเวลานั้นดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อม แม้แต่กุฏิก็ยังไม่มี
ปี พ.ศ. 2505 ขณะที่พระหนูกำลังนั่งภาวนาอยู่ก็เกิดเป็นเสียงหลวงปู่แหวนดังขึ้นมาที่ริมหูว่า “จะมาอยู่ด้วยคนนะ” หลังจากนั้นสามวัน พระอาจารย์หนูก็ถูกนิมนต์ไปที่วัดป่าบ้านปง สถานที่ที่หลวงปู่แหวนอยู่ จึงได้ถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วย
และนับแต่นั้นหลวงปู่แหวนก็ไม่เคยไปจำพรรษาที่ไหนอีกเลย อีกทั้งยังได้ตั้งสัจจอธิษฐานว่า…
![หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ](https://scontent.fbkk1-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/18301133_1422655924457203_1380415048417199057_n.jpg?_nc_fx=fbkk1-3&_nc_cat=0&_nc_eui2=AeHSDHHnAApOXO9GHlREzFtHxulDjTkLBLNgmf3fXpNs1sAPwwIHE4Yt0gLNeVpIzfLB_AvXXEnKbvRF8yWjXw1rTsnjMDq4vCBCkUqOusVxrw&oh=3b9df1fca40f61ed65545140200fb225&oe=5B9E5634)
ต่อ
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ละสังขารเมื่อเวลา 21.54 น. ของวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดเชียงใหม่ สิริอายุได้ 98 ปี 5 เดือน 16 วัน![หลวงปู่แหวน สุจิณโณ](https://scontent.fbkk1-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/10393925_1058701144142570_6966748843265606810_n.jpg?_nc_fx=fbkk1-3&_nc_cat=0&_nc_eui2=AeHerl28miFKWmOq31S2DBa939gv4GpC-9hyDHPC_glMujK-9sXZhZ--zrrcfrCw-Z09qSiB2orxVdKOunX2Gl1PF-aTTCs7T0225eFc4i3SKQ&oh=1e419f1ffb1b18f4ef406161b399804a&oe=5BEC560A)
หลังละสังขาร พระหนูเผยว่า หลวงปู่แหวนได้สั่งเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่อาพาธว่า ถ้าหากมรณภาพ ไม่ให้เอาศพเก็บไว้นาน สวดเสร็จก็ให้เผาเลยใน 3 วัน เพราะไม่อยากให้เป็นภาระกับลูกศิษย์ อย่างไรก็ดี ได้มีการเก็บสรีระร่างหลวงปู่แหวนเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สักการะ กระทั่งถึงวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2530 จึงมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
![หลวงปู่แหวน สุจิณโณ](https://scontent.fbkk1-6.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/581960_435173759828648_1206562682_n.jpg?_nc_fx=fbkk1-3&_nc_cat=0&_nc_eui2=AeHv5pi73L6opdI1sKIRiEKqrDNAAzuKiJDn1f8ooW-etZBmxE7BGbj8E6xXkDifvpg-rpnDexbd4WFk4QSRC1PMqhjoPIhfah42VEM0IRIlcA&oh=117e89af57587ea2e605eb6131668cf3&oe=5BEA2F44)
มีบันทึกว่านายชูชีพ ศิลปรัตน์ ประธานฝ่ายปฏิคมมูลนิธิหลวงปู่แหวน เผยกับผู้สื่อข่าวในสมัยนั้นว่า จากการรวบรวมอัฐิของหลวงปู่แหวน พบว่ามี 3 ลักษณะ คือเถ้าธุลี อังคาร ซึ่งเป็นอัฐิที่มีลักษณะมันใส และพระธาตุซึ่งมีรูปร่างขนาดเม็ดมะขามใสคล้ายแก้วหลายชิ้น จึงได้คัดเลือกส่วนที่เป็นพระธาตุ 3 ชิ้น บรรจุในโกศมุก นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากพระองค์ท่านเคยเสด็จพระราชดำเนินไปหาหลวงปู่แหวนอยู่หลายครัั้ง
สาธุ สาธุ สาธุ…
ที่มาข้อมูล : วิกิพีเดีย
ขอบคุณที่มาภาพ : www.facebook.com/หลวงปู่แหวน-สุจิณโณ