ดร.สมไทย วงษ์เจริญ เขาว่าผมเป็นคนบ้าค้าขยะ
แม้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ถ้ายังหายใจอยู่ เขา ดร.สมไทย วงษ์เจริญ จะไม่มีวันยอมแพ้ ใครจะประณามว่าเป็นคนบ้าค้าขยะเขาก็ไม่สนกว่า 30 ปีที่ผ่านมา คนตัวเหม็นคนนี้ได้กลายเป็นดอกเตอร์ที่ผู้คนยอมรับ เพราะขยะที่เราทั้งหลายไม่เหลียวแล
ผมเกิดในครอบครัวคนจีน ที่อำเภอตะพานหินจังหวัดพิจิตร พ่อแม่รับจ้างเย็บเสื้อโหล พร้อมๆ กับขายหนังสือพิมพ์และลอตเตอรี่ เพื่อส่งลูก 9 คนให้เรียนหนังสือ
มีผมคนเดียวชอบคิดนอกกรอบ ไม่ยอมเรียนต่อ เพราะเบื่อเรื่องเดิมๆ ที่ครูนำมาสอนเด็กทุกรุ่น พ่อแม่ก็เข้าใจเพราะผมไม่ใช่คนเกเร
ผมทดลองนำสินค้าจากบ้านไปขายตามสถานีรถไฟ แต่ไม่รุ่ง จึงเปลี่ยนมาใช้ปิกอัพเก่าๆ ตระเวนขายเสื้อผ้า หอม กระเทียม จนเปลี่ยนมาเร่ขายยาที่จังหวัดพิษณุโลกแต่ก็เหลวอีกเหมือนกัน งานอะไรไม่ดีผมไม่ยึดติด ลองไปเรื่อยๆ แต่ก็คอยถามตัวเองว่า อะไรคือทางที่มั่นคงของชีวิต
ชีวิตผมอาจดูแย่ในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผมมันคือความลำบากที่มีความสุข ใจข้างในไม่เคยแพ้ แม้จะเกิดอะไรกับผม ถ้ายังไม่ตาย ยังมีแรงอยู่ ผมไม่เคยกลัว
เมื่อชีวิตยังไม่มีจุดหมาย ทางบ้านเลยชวนกลับไปช่วยงาน ผมปฏิเสธเพราะไม่ชอบงานซ้ำๆ ในวันที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต ผมไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร จึงไปอธิษฐานต่อองค์พระพุทธชินราช ขอให้พบเส้นทางทำกินที่มหัศจรรย์ ให้มีอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
เมื่อก้าวออกมาจากโบสถ์ เห็นป้าแก่ๆ ถีบสามล้อเก่าๆ บรรทุกขยะมา จึงเข้าไปถามว่า ป้ากำลังจะเอาขยะไปไหน ป้าปกติหรือเปล่า ป้าตอบว่า เอ็งน่ะสิไม่ปกตินี่มันเงินทั้งนั้น ของทุกอย่างแป๊ะร้านของเก่าเขารับซื้อหมด
คำพูดเรียบๆ ง่ายๆ ของป้าครั้งนั้นช่วยจุดประกายแสงสว่างในชีวิตของผมอีกครั้ง ผมพบวิธีที่จะใช้สองมือตักเศษเงินจากข้างถนน เริ่มจากสำรวจถังขยะทุกใบรอบวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร สุ่มดูว่าสิ่งไหนน่าจะขายได้ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เก็บเท่าไรก็ไม่หมด คนเอาของมาทิ้งไม่มีที่สิ้นสุด ในใจอยากตะโกนดังๆ ว่า “นี่แหละเหมืองแร่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก”
ผมทดลองเอาขยะไปขายแต่กลับโดนแป๊ะหัวเราะเยาะเพราะของที่เก็บมาบางชิ้นขายไม่ได้ แต่วันนั้นยังได้เงินมา 400 บาทโดยไม่ต้องลงทุน ซึ่งก็ถือว่ามากโข เพราะเท่ากับราคาทองคำหนัก 1 บาทในสมัยนั้น
ผมคิดว่าการลองผิดลองถูกโดยมีแป๊ะคอยประณามถากถาง ดีเสียกว่านั่งท่องตำราเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่จบออกมาทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
เมื่อพ่อแม่ทราบว่ามาเก็บขยะขายก็ห้ามปรามสุดชีวิตเพราะในสายตาทุกคน การค้าขยะคืออาชีพที่ต่ำต้อย เมื่อยังดื้อทำต่อจึงถูกตัดพ่อตัดลูกถึงขั้นตายไม่ต้องมาเผาผีแต่ภายใน 3 ปี กาลเวลาก็พิสูจน์ให้ผมกลับมาเป็นลูกคนโปรดอีกครั้ง
สมัยก่อนคนไม่นิยมขายของเก่ากิน ผมต้องคิดอุบายนำลูกอม ชามตราไก่ กะละมัง มาแลก แต่ละวันต้องขับรถร้องลิเก หมอลำ เป็นเนื้อเพลงรับซื้อของเก่าไปรอบเมืองพิษณุโลก
แต่ละวันผมได้ขยะประมาณ 200 – 300 กิโลกรัมมาขายแป๊ะ แต่แป๊ะชอบโกงตาชั่ง และไม่ยอมติดป้ายบอกราคาให้ลูกค้า หากถามจู้จี้ก็จะโดนแป๊ะไล่ให้ไปที่อื่น ผมอึดอัด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคอยง้อ ทั้งที่เราเป็นเจ้าของสินค้า ไม่ใช่ลูกจ้าง
ในที่สุดผมตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเอง แต่หาบ้านเช่าไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากให้ผมเอาบ้านมาค้าขยะโชคดีที่เจอบ้านคนใจบุญสนับสนุนคนทำกิน เมื่อคุยกันถูกคอเขาก็ให้เช่าบ้านอยู่ในซอยแคบๆ ติดกับแหล่งผู้หญิงขายบริการ
ถึงผมจะทุนน้อย แต่ก็มีคุณธรรม ลงทุนซื้อตาชั่งใหม่เขียนป้ายบอกราคา ร้านของผมมีบริการดีๆ ที่แป๊ะไม่เคยหยิบยื่นให้ การเปรียบเทียบจึงเกิดขึ้น แม้จะอยู่ในทำเลไม่ดี แต่ลูกค้าก็เลือกมาหาผม รายได้จึงมีมากขึ้น
ระหว่างนั้นผมหาเวลาไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียนเพิ่มเติมจนจบมัธยมปลาย เพราะยังต้องพึ่งการศึกษาควบคู่ไปกับประสบการณ์ชีวิต
เมื่อธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผมตัดสินใจไปดูงานที่กรุงเทพฯและอีกหลายๆ จังหวัด ไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ของวงการรีไซเคิล ได้รู้จักโรงงานอุตสาหกรรมที่จะใช้วัตถุดิบของเราเป็นสินค้า ตอนนั้นเริ่มมีคนในวงการรีไซเคิลมาติดต่อซื้อวัตถุดิบที่ร้านของผม กิจการค่อยๆ พัฒนา มีชื่อเสียงกว้างไกลเพราะปากต่อปาก ทำให้มีเครือข่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผมจึงตั้งโรงงานขยะของตัวเอง แทนที่จะเป็นคนกลางนำสินค้าไปขายให้โรงงานที่รับซื้อจากผมมาตั้งแต่ต้น
แต่ปัญหาของธุรกิจนี้คือหาคนงานยาก เขาอายครอบครัว อายเพื่อนบ้านที่จะบอกว่าทำงานเก็บขยะ ผมจึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของพนักงานกลุ่มนี้ ให้เขารู้ว่าขยะไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ มันคือทองคำที่หล่อเลี้ยงชีวิตทุกคน ที่สำคัญโรงงานของผมต้องสะอาด ไม่ส่งกลิ่นรบกวนบริเวณใกล้เคียง สร้างภาพลักษณ์ให้ขยะมีเสน่ห์น่าซื้อขาย
เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ผมทำขยะให้มีชื่อเสียง และเริ่มไปดูงานต่างประเทศเพื่อศึกษาจุดอ่อน จุดแข็ง และวิทยาการใหม่ๆ
สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิตคือ การไปกู้เงินขยายกิจการแล้วถูกผู้จัดการธนาคารปฏิเสธ เขาอ้างว่าเงินกู้มีไว้สำหรับธุรกิจใหญ่ๆ ธุรกิจขยะอย่างคุณไม่มีเครดิต
เมื่อถึงยุคฟองสบู่แตก ผมมารู้ความจริงภายหลังว่าคนไม่มีเครดิตอย่างเราปลอดภัยที่สุด ธนาคารที่ล้มหายตายจากจุดประกายให้ผมริเริ่มก่อตั้งธนาคารขยะแห่งแรกของโลก ที่โรงเรียนเทศบาล 5 วัดใหม่พันปี อำเภอเมือง พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และปัจจุบันมีสาขามากมายทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
หลังเศรษฐกิจตกต่ำ ธนาคารต่างๆ มาคารวะผมถึงบ้าน ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเขาก็อยากให้กู้เงิน
ผมกลับไปเรียนปริญญาตรี เพราะหลายคนชอบดูถูกว่าผมไม่มีการศึกษาคำว่ามหาวิทยาลัยสำหรับผมแปลว่า “มาหาอะไร” มากกว่า แต่ทฤษฎีที่ได้เรียนรู้มาก็ทำให้งานทุกอย่างเป็นระบบระเบียบขึ้น
เมื่อจบปริญญาตรี ปีถัดมาผมก็ได้รับพระราชทานดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาบริหารธุรกิจ จากสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม จากการเขียนตำราวิธีการจัดการขยะรีไซเคิลเล่มแรกของประเทศไทย
สมัยที่ยังไม่มีปริญญา พูดเรื่องขยะเขาก็ว่าบ้าๆ บอๆ ไร้สาระ พอได้เป็นดอกเตอร์ ทุกคำพูดกลายเป็นวิชาการ ซึ่งมันแปลกมากที่สังคมวัดค่าของคนกันที่ตรงนี้
ผมได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา UNDP (United Nations Development Programme) ด้านการจัดการขยะรีไซเคิล ประจำประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำคู่มือคัดแยกขยะประจำบ้านให้รัฐบาลลาวลูกศิษย์ชาวลาวที่มาเรียนคัดแยกขยะกับผมในรุ่นแรกๆ ตอนนี้กลับไปทำศูนย์รีไซเคิลจนได้รับรางวัลแมกไซไซ
เรื่องที่ภาคภูมิใจที่สุดคือ การที่โรงงานวงษ์พาณิชย์ของผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ได้รับพระราชทานรางวัล “เข็มกลัดทองคำ”จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ผู้แทนพระองค์) ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2549 ในฐานะเป็นหน่วยงานดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม
วงษ์พาณิชย์โตมาได้เพราะหลักแห่งความพอเพียง ปัจจุบันมีกิจการ361 สาขาทั่วทั้งประเทศและในต่างประเทศ คือ ลาว มาเลเซีย และบรูไนทุกสาขาต้องมีคุณธรรมนำธุรกิจ เราเปิดสอนหลักสูตรคัดแยกขยะ สร้างอาชีพให้คนไทยและต่างชาติมาแล้วกว่า 37 รุ่น
ทุกวันนี้ผมและครอบครัวยังพักอยู่บนเล่าเต๊งที่สร้างจากเศษเหล็ก เพราะต้องการเห็นงานทันทีที่ตื่นนอน
ทุกเช้าจะเห็นผู้คนจากทั่วสารทิศเอาเงินมาขว้างทิ้ง เพราะขยะล้นเมือง จนสองมือของผมและคู่ค้าเจ้าอื่นๆ รับไม่ไหว
อยากฝากถึงทุกคนว่า หากพวกเราตื่นตัวเรื่องขยะรีไซเคิลกันสักนิด หันมาแยกขยะกันสักหน่อย โลกของเราคงไม่สูญเสียทรัพยากรมากมายจนเกิดปัญหาอย่างทุกวันนี้
สำหรับผมแล้ว คนทำรีไซเคิลไม่เคยแก่ เพราะเขาจะรู้จักการรีไซเคิลใจตัวเองให้ขจัดปัญหาออกจากชีวิตได้ ใจเรามันเต็มไปด้วยขยะ เมื่อใจสะอาดก็จะมองโลกแต่ในแง่ดีๆ กระชุ่มกระชวยตลอดเวลา
เรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของ ดร.สมไทย วงษ์เจริญ คือบทพิสูจน์ชั้นเยี่ยมของคนที่รู้จักแสวงหาและกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับค่านิยมเก่าๆ ของสังคม ณ วันนี้เขาสามารถเนรมิตของเหม็นเน่าที่สังคมรังเกียจให้กลายเป็นทองคำที่ใครๆ ต่างก็หมายปองได้สำเร็จอย่างน่าชื่นชม
คุณศรีวรรณ วงษ์เจริญ ภรรยา
คุณสมไทยเป็นคนสนุกสนาน แต่ทำงานจริงจังจะเหนื่อยอย่างไร ใจยังสู้ ใช้ชีวิตเรียบง่ายเสมอต้นเสมอปลาย วันที่ลำบากไม่มีเงินติดกระเป๋า ไข่ต้มฟองเดียวเขาก็ทานได้ ทานข้าวผัดหนึ่งเดือนเต็มๆก็ไม่เคยปริปากบ่น
เขาเป็นพ่อที่สอนลูกให้ติดดิน เคยส่งลูกคนโตไปนอนบ้านคนถีบสามล้อ เพื่อไปดูว่าเขาอยู่กันอย่างไรหากเราเอาเปรียบเขา ครอบครัวเขาจะลำบากแค่ไหน
คุณทิวัตถ์ พรหมพิราม ลูกค้าประจำวงษ์พาณิชย์
ผมเป็นลูกค้าวงษ์พาณิชย์มากว่า 30 ปี ติดใจที่นี่ เพราะซึ้งในน้ำใจของเฮีย ยามเดือดร้อนมาพึ่งได้เสมอ เฮียสอนให้ซื้อลูกค้าด้วยใจ เพราะจะได้ซื้อขายกันนานๆ
เรื่อง มุฑิตา รัตนมุสิทธิ์ ภาพ อนุพงศ์ เจริญมิตร
บทความน่าสนใจ
Dhamma Daily : ถ้ารักงานแต่ เบื่อเจ้านาย เพราะไร้ความยุติธรรม ทำอย่างไรดี ?
วิธี ให้อภัยตัวเอง และ รักตัวเอง เมื่อทำผิดพลาดไป
ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ “ชีวิตนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
เทพ โพธิ์งาม “ไม่เสียใจที่ทำแล้วเจ๊ง แต่เสียดายกว่าถ้าไม่ได้ทำ”