มารผจญ ตัวการขัดขวางการทำความดีของมนุษย์ – บทความให้แง่ดี ๆ จากผู้อ่าน
ปลายปีที่แล้ว เพื่อนร่วมงานของผมบวชทดแทนคุณพ่อแม่ที่วัดอุโปสถาราม หรือ “วัดโบสถ์” ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง ตรงข้ามกับตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี และผมก็เดินทางไปร่วมงานบวชครั้งนั้นด้วย
นอกจากความงดงามของวิถีชีวิตแบบชนบทจะทำให้คนเมืองอย่างผมรู้สึกชื่นใจแล้ว ผมยังมีโอกาสได้เห็นภาพจิตรกรรมเก่าแก่ประดับผนังพระอุโบสถ ซึ่งเป็น ภาพพุทธประวัติ ตอนผจญมาร อีกด้วย ภาพดังกล่าวเล่าถึงเรื่องราวเมื่อครั้งพญามารชื่อ วสวัตดี ระดมพรรคพวกเสนามารพร้อมอาวุธมากมาย ยกพลมาหมายจะขู่ให้พระโพธิสัตว์ตกพระทัยและลุกหนีไปจากบัลลังก์ที่ประทับ พระโพธิสัตว์จึงทรงระลึกถึงบารมี 10 ทัศที่ทรงบำเพ็ญมาทุกชาติเป็นเวลาหลายแสนกัป และประทับสงบนิ่งมิได้หวั่นไหว พญามารจึงสั่งให้เสนามารเข้ารุกไล่และระดมซัดสาดสรรพอาวุธเข้าใส่ แต่อาวุธเหล่านั้นกลับกลายเป็นดอกไม้เครื่องสักการบูชาไปทั้งหมด พญามารเห็นดังนั้นก็เข้าไปใช้วาจาข่มขู่ โดยอ้างว่าบัลลังก์นั้นเป็นของตน และได้ยกเสนามารทั้งหลายเป็นพยานยืนยัน แต่พระโพธิสัตว์ยืนยันว่า พระองค์ประทับ ณ บัลลังก์นั้นอยู่ก่อน และทรงอ้างพระแม่ธรณีเป็นพยาน พระแม่ธรณีจึงมาปรากฏกาย คลี่มวยผมแล้วบีบน้ำออกจากมวยผมจนกลายเป็นท้องทะเลท่วมทัพพญามารและเสนามารจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ภาพพุทธประวัติ ตอนผจญมารนี้ให้แรงบันดาลใจในเรื่องความอดทนจนสามารถเอาชนะอุปสรรคได้เป็นอย่างดีทีเดียว
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ใจผมประหวัดไปถึงเรื่องราวของลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อยากให้ลูกชายวัยมัธยมปลายรู้จักกับธรรมะ เพราะลูกชายติดเกมและติดเพื่อนมาก เธอกลัวว่าลูกจะเสียคน จึงพยายามหาทางกล่อมเกลาจิตใจลูกด้วยวิธีต่าง ๆ
ช่วงปิดเทอม เธอชวนลูกชายไปปฏิบัติธรรมกับเธอได้สำเร็จ สองแม่ลูกเตรียมตัวจะไปปฏิบัติธรรมเป็นม่นั เป็นเหมาะ ฝ่ายแม่เตรียมฝากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างไว้กับญาติที่ไว้ใจได้ ส่วนลูกชายก็รับปากว่าจะไปเป็นเพื่อนแม่อย่างแน่นอน แต่เย็นวันนั้นเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
ฝ่ายลูกชายประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม หัวเข่าถลอกปอกเปิก ประคองตัวกลับถึงบ้านได้อย่างทุลักทุเล และปวดแผลอยู่ตลอดคืน ขณะเดียวกันคนเป็นแม่ก็ได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากลูกค้าว่าส่งสินค้าไปผิดแบบ เธอต้องรีบส่งของไปให้ลูกค้าใหม่โดยเร็วที่สุด รวมทั้งยังต้องทำแผลและคอยดูแลลูกชายด้วย คืนนั้นกว่าเธอจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ปาเข้าไปดึกดื่น…ทั้งที่เช้ามืดวันรุ่งขึ้นสองแม่ลูกก็จะเดินทางไปถือศีลปฏิบัติธรรมกันอยู่แล้วเชียว
เธอเล่าให้ผมฟังว่า ครั้งนั้นแม้ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ทำให้เดือดร้อนวุ่นวายใจ แต่เมื่อตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมแล้ว ถึงจะมี “มารผจญ” ในรูปแบบใดก็ต้องไม่หวั่นไหว เช้าวันรุ่งขึ้นเธอและลูกชายจึงเดินทางไปปฏิบัติธรรมตามที่ตั้งใจไว้ และเมื่อไปถึงที่วัดก็สามารถตัดความวุ่นวายทั้งกายและใจลงได้ในที่สุด
เรื่องราวของสองแม่ลูกคู่นี้ทำให้ผมคิดว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเองยังทรงเจอมารผจญ คนธรรมดา ๆ อย่างเราหรือจะหลีกหนีได้พ้น
ตัวผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ตอนก่อนบวชเช่นกัน
ครั้งนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งเตือนผมว่าคนที่กำลังจะบวชมักมีมารผจญ เหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาขัดขวางไม่ให้ทำความดีได้สำเร็จ แต่จะมาในรูปแบบไหนไม่มีใครรู้ได้…ยกเว้นคนที่เจอกับตัวเองเท่านั้น
คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังนอนท่องบทสวดมนต์ที่วัดเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีบวชในวันรุ่งขึ้น ตกดึกคืนนั้น หลังจากที่ผมปิดไฟเข้านอนได้ไม่นานก็รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ นาทีนั้นผมรู้สึกหนัก ๆ ที่หน้าอกราวกับว่ามีคนตัวใหญ่ ๆ มานั่งทับ แม้จะกลัวมาก แต่ก็ยังมีสติ ผมพยายามสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมา และแผ่เมตตาให้สรรพชีวิตอย่าได้มาเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สักพักความรู้สึก “หนัก ๆ” นั้นก็หายไป พอตื่นเช้าขึ้นมา พระที่วัดถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง นอนหลับสบายดีไหม” ผมยิ้มรับแทนคำตอบ แต่คิดในใจว่า “เราถูกมารผจญเข้าให้แล้ว”
คงจะจริงอย่างที่เพื่อนคนนั้นบอกไว้…จะมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาขัดขวางไม่ให้เราทำความดีได้สำเร็จ…ผมไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ผมเจอในคืนนั้นคืออะไรกันแน่ จะเป็นมารผจญในรูปภูตผีปีศาจจริง หรือเป็นแค่จิตที่ปรุงแต่งอุปาทานไปเองก็ไม่รู้ได้…ผมรู้แต่เพียงว่า ในชีวิตของคนเรา เมื่อตั้งใจจะทำอะไรให้สำเร็จลุล่วง มักจะมี “มาร” ให้ต้องผจญมากมาย ที่แน่ ๆ คือพญามารที่มาจากตัวเราเอง เช่น ความขี้เกียจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง รวมทั้งกิเลสต่าง ๆ นานา
เราหนีมารผจญไม่ได้ก็จริง แต่เราสามารถเอาชนะ “มาร” เหล่านั้นได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ตั้งมั่น และอดทนของเราเอง
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ปันบุญ
ขอบคุณภาพจาก th.m.wikipedia.org