คนเราเวลาไม่สบายใจก็เป็นทุกข์ เวลาเศร้าโศก เสียใจ ขุ่นเคืองใจ ก็เป็นทุกข์ เชื่อว่าทุกคนไม่อยากจะมีความทุกข์ บางคนทุกข์ เสียจนเกิดเป็นความท้อแท้ จนอยากจะถอยหลังหนีปัญหา หรือบางคนก็ตัดสินใจหนีปัญหาที่ทำให้เกิดทุกข์ไปด้วยวิธีผิดๆ ก็มี เราอยากจะบอกกับทุกคนทั้งที่มีทุกข์ หรือไม่มีทุกข์ทั้งหลายค่ะว่าในการจะจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ทั้งหลาย เราจะต้องทำความรู้จักกับสิ่งที่จะมารบกวนความสุขเสียก่อน นั่นคือการทำความรู้จักกับทัศนคติต่างๆ ที่ทำให้เราเกิดทุกข์นั่นเอง
แน่ล่ะค่ะว่าความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ไม่มีใครสามารถที่จะหนีได้พ้น แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงมัน และดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุขได้ เพียงแต่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนยากที่มีชื่อเรียกว่า “ความทุกข์” กันเสียก่อน แล้วอะไรบ้างที่ทำให้เกิดทุกข์? คำถามนี้ฟังดูออกจะเป็นในเชิงธรรมะอยู่สักหน่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็แค่คำถามธรรมดาสามัญในชีวิตของเราเท่านั้น คำถามที่ทุกคนสามารถหาคำตอบได้ง่ายๆ ไม่ยากเย็น เพียงแค่สังเกตไปรอบๆ ตัว เท่านั้น
สิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะมีทุกข์ หรือมีความสุขนั้นก็คือตัวของคุณเอง แค่ตัวคุณเองเท่านั้น ความทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นจากตัวเอง มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะมองหรือรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยทัศนคติแบบไหน จะเก็บเอาสิ่งต่างๆ ทั้งหลายมาก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ หรือเลือกที่จะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ที่ทำให้เกิดความสุขกับตนเอง มันล้วนขึ้นอยู่กับทัศนคติการมองโลกของคุณ
แล้วทัศนคติใดบ้างที่ทำให้เกิดทุกข์? การมองโลกในแง่ลบทั้งหลาย ความรู้สึกในแง่ลบต่างๆ การปฏิเสธ และสิ่งต่างๆ ที่ประกอบไปด้วยคำว่า “ไม่” ทั้งหมดนั่นคือส่วนประกอบหลักของสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นได้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามสามารถทำให้เกิดความทุกข์ได้ทั้งนั้น หากว่าคุณไม่รีบปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว การที่คุณมองเห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้รับคำชมจากเจ้านายแล้วเกิดความอิจฉา หรือน้อยใจว่าเหตุใดเจ้านายถึงไม่ชื่นชมคุณบ้าง ก็ทำให้เกิดทุกข์
บางครั้งคุณรู้สึกว่างานที่ตัวเองทำอยู่มันช่างหนักหนาและมองไม่เห็นหนทางสำเร็จเสียที รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ก็ทำให้เป็นทุกข์ ทำให้อยากหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะก้าวไปถึงจุดหมายปลายทางได้เมื่อไร หรือเกิดความสงสัยว่าจะไปถึงจุดหมายความสำเร็จได้จริงๆ หรือไม่ นั่นก็ทุกข์ การเปรียบเทียบความยากลำบากในการทำงานของตัวเองกับคนอื่น แล้วรู้สึกว่าทำไมคนอื่นถึงได้งานที่สบายกว่าเราทั้งๆ ที่ได้เงินเดือนเท่ากันแท้ๆ ก็เกิดทุกข์
เป็นกังวลกับเงินเดือนที่อาจจะไม่พอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น เลยนำเงินไปลงทุนกับการซื้อหุ้น หรือกิจกรรมบางอย่าง แล้วกลับมานั่งเป็นกังวลต่อว่าเงินที่ลงทุนไปจะจมหายไปกับกิจกรรมเหล่านั้นหรือไม่ กลายเป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ แม้แต่การที่คุณกำลังสงสัยในสิ่งที่ทำอยู่ ก่อนที่จะเริ่มต้นค้นหาจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิต และรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ คุณก็เป็นทุกข์มาก่อนเช่นกัน
สิ่งที่คุณต้องการในการแก้ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ คือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติความคิดของตัวเองเสียใหม่ มองโลกในมุมมองที่สดใสขึ้น ปรับเปลี่ยนความคิดต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว ลดความตึงเครียดในชีวิตของคุณลงบ้าง ผ่อนภาระหนักๆ ลงจากบ่า และสูดหายใจเข้าปอด เพื่อมองโลกรอบๆ ตัวใหม่อีกครั้ง แทนที่จะจมอยู่กับความทุกข์ยากของตัวเอง ก็ปรับมุมมอง หันมามองว่าการที่คุณกำลังเป็นทุกข์กับสิ่งใด คือการที่คุณได้มองเห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และต้องการแก้ไข สูดลมหายใจเข้าเพื่อปลดทุกข์จากบ่า แล้วหยิบมันขึ้นมาเริ่มต้นแก้ไขอย่างจริงจัง
เช่น การที่คุณเป็นทุกข์จากความอิจฉาริษยาเพื่อนร่วมงานที่ได้รับคำชม แทนที่จะนั่งอิจฉาเป็นทุกข์ และถามตัวเองอย่างไม่มีความสุขว่า “เขามีอะไรดีกว่าฉัน” เป็นการมองลงไปในรายละเอียด แล้วถามตัวเองอย่างจริงจังว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาได้รับคำชม และฉันยังไม่ได้ทำ” เป็นการศึกษาถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง ว่ามีสิ่งใดที่บกพร่องไปบ้าง และลงมือทำในสิ่งนั้นๆ