สำหรับคนรุ่นใหม่ ถ้าพูดถึงธรรมะคงจะคิดถึงการไปทำบุญที่วัดเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับผมธรรมะอยู่ใกล้ตัวเพียงนิดเดียวเท่านั้น
คุณแม่ของผมเป็นช่างเสริมสวย ส่วนคุณพ่อเป็นโปรดิวเซอร์และนักจัดรายการวิทยุเพลงลูกทุ่ง ผมจึงคลุกคลีกับเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเรียนอนุบาล ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่ง พอจะแยกย้ายกันไปเรียนชั้นประถม ผมแต่งเพลงให้เขา แต่แต่งเก็บไว้คนเดียว เขาไม่รู้เรื่องอะไร พออยู่ชั้นมัธยมหนึ่ง ผมแอบชอบผู้หญิงต่างห้องเรียนอีก ผมก็แต่งเพลงให้เขา และเป็นแบบนี้มาตลอด ถ้าผมชอบใคร พลังรักเหล่านั้นทำให้ผมต้องเรียงร้อยความรู้สึกออกมาผ่านบทเพลงเสมอ
นอกจากการแต่งเพลงจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมแล้ว เรื่องธรรมะคืออีกสิ่งหนึ่งที่ผมสนใจ คุณพ่อของผมก่อนท่านจะมาอยู่ในวงการเพลง ท่านเคยบวชมาก่อน แล้วในบ้านจะมีหนังสือธรรมะเยอะ ผมก็เอามาอ่านเล่น บางทีก็นั่งสมาธิบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เข้าใจถึงแก่นของธรรมะอย่างถ่องแท้
พอขึ้นมัธยมสอง นอกจากการแต่งเพลงที่อยู่ในชีวิตของผมแล้ว ผมเริ่มมีเพื่อนๆ ในชีวิต มีการตั้งแก๊งค์ในโรงเรียน ชื่อแก๊งค์ว่าฟ้าประทาน พวกเราจะเอาลิควิดไปเขียนทุกที่ที่ไม่สมควรเพื่อเป็นการประกาศศักดา พวกเราจะเขียนว่า ฟ้าประทานมาแล้ว นอกจากนี้ผมเริ่มเป็นคนฉุนเฉียว โมโหง่าย ไม่ว่าจะเป็นเพราะฮอร์โมนหรืออะไรก็ตาม ซึ่งสิ่งที่ผมเป็นทำให้คุณพ่อกังวลในพฤติกรรมของผม ส่งผมไปบวชที่วัดไตรมิตรวิทยาราม (วัดเขาแม่ชี) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พระอาจารย์ท่านก็สอนเรื่องมรณานุสติ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่พอสึกออกมา ผมก็ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนเดิม
ช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่ไปชอบใครผมยังแต่งเพลงให้กับความรักของผมเสมอ ซึ่งส่วนมาก ผมจะอยู่ในสถานะที่อกหักตลอด พอวันหนึ่งผมรู้สึกว่า เพลงพวกนี้มันทำให้ผมอยู่กับที่ มีแต่เพลงรักเพลงอกหักวนไปวนมา พออกหักเราก็นั่งร้องไห้ แต่งเพลง ฟังเพลงเศร้า มันไม่ช่วยอะไรเลย ผมจึงหยุดแต่งเพลง แล้วพอเรียนจบผมก็ไปเล่นละครเวที โชคดีมากที่มีโอกาสได้เจอกับ ลุงตั้ว – ประดิษฐ์ ประสาททอง ศิลปินศิลปาธรสาขาการแสดง ปี 2547 ท่านบอกผมว่า
“ศิลปะที่ดีนั้นควรมีอยู่เพื่อสังคมด้วย ไม่ใช่เพียงเพื่อประโลมใจเท่านั้น”
คำพูดของท่านทำให้ผมอยากทำอะไรเพื่อสังคมขึ้นมาบ้าง ไม่นานหลังจากนั้น ผมคิดอยากกลับไปแต่งเพลงอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่แต่งแบบเดิมอีกแล้ว จะแต่งตามสิ่งที่อยากจะพูด และเป็นประโยชน์กับสังคมด้วย
แม้จะตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะแต่งเพลงอะไร และเหตุการณ์ธรรมดาๆ เหตุการณ์หนึ่ง ก็ให้คำตอบหลายๆ อย่างในชีวิตของผม!
วันหนึ่งผมไปกินข้าวกับเพื่อน นั่งคุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงเรื่องบวช ผมบอกเพื่อนว่า ถ้ามีโอกาสบวชอยากจะเทศนาธรรม เพื่อนอยากรู้ว่าเราจะทำได้ไหม เพื่อนบอกให้ผมลองทำดูตรงโต๊ะที่นั่งกินข้าวกัน โดยเพื่อนจะเป็นผู้ฟัง ผมจึงเริ่มจำลองการเทศน์ทันที
“ทุกคนลืมตาไว้นะ ห้ามหลับตาเป็นเวลา 5 นาที ทำได้ไหม ทำไม่ได้ เห็นไหมน้ำตามันไหล ทุกอย่างเกิดขึ้นก็ต้องดับลง เหมือนการลืมตาและหลับตา ถ้าเราฝืนน้ำตามันไหล มันก็เป็นความทุกข์”
พอพูดจบเพื่อนชมว่าผมพูดดีมาก ผมเองก็รู้สึกดีกับคำพูดของผม ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดข้อความเหล่านั้นออกมา และข้อความที่พูดทำให้ผมเข้าใจกับตัวเองด้วยว่า จริงๆ ธรรมะใกล้ตัวเรามาก และจากเหตุการณ์นี้ก็เปลี่ยนชีวิตของผมไปเลย ผมเจอแนวทางการทำเพลงในแบบของผมเข้าแล้ว!
กลับมาถึงบ้าน ผมแต่งเพลง ห้านาทีบรรลุธรรม ผมตั้งใจให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงธรรมะได้ด้วยเครื่องมือร่วมสมัย เช่น บทเพลง อยากให้เขารู้ว่า ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าถึงง่าย และสามารถนำมาแก้ไขปัญหาชีวิตได้
ผมเชื่อว่าบทเพลงที่มีเรื่องราวดีๆ สามารถทำให้คนรู้สึกดีขึ้นได้ หากยังมีโอกาสทำเพลงอยู่ ผมจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดครับ
คลิกที่นี่! ฟังเพลงห้านาทีบรรลุธรรม
SECRET BOX
ลองทำในสิ่งที่ยาก ถ้าทำพลาด เราจะได้เรียนรู้