ทำไม หัวใจจึงแห้งผาก…อยากรู้จักรัก ต้องทำอย่างไร
โยมถาม: จะทำอย่างไรถ้ารู้สึกว่ารักใครไม่เป็น อยากรู้จักรัก และเวลาที่จะทำอะไรให้ใครถ้าไม่ได้ผลตอบแทนจะไม่อยากทำ จะมีวิธีเปลี่ยนความรู้สึกอย่างไรให้รู้สึกอยากทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผลตอบแทน
ท่าน ว.วชิรเมธี ตอบ: ก่อนอื่นขอแนะนำให้ย้อนกลับไปมองตนเองว่าเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบใด ทำไมหัวใจจึงแห้งผากถึงขั้น “รักใครไม่เป็น”หรือมิเช่นนั้นก็ต้องถามว่า ก่อนหน้าที่คุณจะมีความรู้สึกเช่นนี้เกาะกินอยู่ในใจ คุณเคยมีประสบการณ์อะไรฝังอยู่ในใจหรือเปล่า
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ผู้เขียนมาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯใหม่ๆ วันหนึ่งมีคนเข็ญใจคนหนึ่งแวะไปหาที่กุฏิ เมื่อพบผู้เขียนแล้วจึงได้นั่งคุยกันเขาพร่ำพรรณนาถึงความยากลำบากมากมายในชีวิต แล้วก็ลงเอยด้วยการขอเงินจำนวนหนึ่ง ผู้เขียนรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนคนนั้นมากจึงเรียกลูกศิษย์สองสามคนมาแล้วออกปากเรี่ยไรเงินจำนวนหนึ่งจากลูกศิษย์แต่ละคนเพื่อมอบให้เขาได้ไปซื้อตั๋วรถเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด (เพราะเขาบอกว่า ขืนอยู่ในกรุงต่อไปต้องอดตายแน่ๆ ทั้งตกงาน ทั้งไม่มีบ้านอยู่) เมื่อรับเงินแล้วเขาแสดงทีท่าปีติจนน้ำตาไหล ผู้เขียนและลูกศิษย์ที่สละเงินคนละร้อยเห็นอาการของเขาแล้วก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ความภูมิใจที่ได้เกื้อกูลผู้ตกทุกข์ได้ยากทำให้วันนั้นเป็นวันแห่งความสุขของคนทั้งกุฏิ
แต่แล้วความสุขนั้นก็อยู่กับพวกเราไม่นาน เพราะเพียงวันรุ่งขึ้นเมื่อผู้เขียนออกไปบิณฑบาตแต่เช้า ก็พบวงเหล้าวงหนึ่งซึ่งตั้งกันเป็นประจำอยู่หลังโรงเรียนที่ต้องเดินทางผ่านทุกวัน ขณะเดินผ่านวงเหล้า ผู้เขียนสังเกตเห็นใครคนหนึ่งมีท่วงทีคล้ายๆ กับคนตกยากที่บากหน้าไปหาผู้เขียนเมื่อวาน จึงบอกลูกศิษย์ให้แอบไปสังเกตว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ เมื่อลูกศิษย์กลับมาบอกว่าใช่แล้ว หนึ่งในสมาชิกวงเหล้าก็คือเขาคนนั้นเอง ผู้เขียนเดินกลับมาที่วงเหล้านั้นและยืนดูคนเข็ญใจในวันวาน ที่ตอนนี้กำลังนั่งกินเหล้าอย่างมีความสุขและกำลังคุยอย่างออกรสแล้วก็เดินหลีกมาเงียบๆ
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนรู้สึก “หมดศรัทธาในความเป็นมนุษย์” อยู่พักใหญ่ ใครมาขอให้ช่วยเหลืออะไรต้องคิดนานขึ้นความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์เจือจางลงไปไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ควรหยิบเอาเหตุการณ์เล็กๆ มาเป็นตัวแทนของเหตุการณ์อื่นๆในชีวิตว่าจะต้องเป็นเหมือนกันทั้งหมด ผู้เขียนหมดศรัทธาในการทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์เพียงช่วงเวลาแสนสั้น ก็กลับมาแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ได้อีกเหมือนเดิม ทุกวันนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ยังรู้สึกขอบคุณคนคนนั้นไม่หายที่สอนให้รู้จักเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ดีขึ้น
หากคุณเคยมีประสบการณ์ในลักษณะที่ทำให้หมดศรัทธาต่อเพื่อนมนุษย์เช่นนี้ ก็ขอแนะนำว่า ควรเปิดใจให้กว้าง อย่าหมดรักหมดศรัทธาในมนุษย์เลย บทเรียนแย่ๆ เพียงครั้งหรือสองครั้งในชีวิตเราไม่ควรจะทำให้เรา “ตอบโต้” ด้วยการมีนิสัยแย่ๆ เพิ่มขึ้น หากแต่ควรจะทำให้เราเติบโตขึ้นไปในทางตรงกันข้ามจึงจะถูกต้อง
หากเราเคยเจอคนที่ทำร้ายหัวใจเราจนทำให้ไม่มั่นใจที่จะรักใครอีก เราก็ไม่ควรจะกลายเป็นคนอีกคนหนึ่งที่ไม่มีหัวใจ ตรงกันข้ามเราควรจะดูแลหัวใจของเราให้เป็นคนที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าหัวใจของคนที่มาทำร้ายเรา อย่าตอบโต้สิ่งที่ไม่ดีด้วยสิ่งที่ไม่ดียิ่งกว่า แต่ควรตอบสนองสิ่งที่ไม่ดีด้วยสิ่งที่ดีกว่านั้นสักร้อยเท่า นี่ควรเป็นวิถีปฏิบัติที่คุณควรจะเลือกให้กับชีวิต
เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ด้วยการ “แบ่งปัน” จากคนอื่นตลอดเวลาคุณลองสำรวจตัวเองดูก็ได้ว่า คุณได้ชีวิตมาจากใคร เสื้อผ้าที่คุณใส่ใครเป็นคนทอ ข้าวที่คุณกิน ใครเป็นคนปลูก อากาศบริสุทธิ์ที่คุณหายใจมาจากต้นไม้กี่ต้น ฯลฯ แท้ที่จริง เราอยู่ในโลกนี้ด้วยการแบ่งปันจากคนอื่น สิ่งอื่นทั้งนั้น พระอาทิตย์พระจันทร์ให้แสงแก่มนุษย์โดยไม่เคยทวงถามการตอบแทนเลย แล้วทำไมเราจึงถามหาผลตอบแทนจากทุกกิจกรรมที่เราทำไปเสียทุกเรื่อง การที่คุณรู้สึกว่าจะทำอะไรสักอย่างต้องได้ผลตอบแทนเสียก่อนจึงจะลงมือทำ น่าจะเป็นเพราะวิธีคิดแบบ “ต่างตอบแทน” ที่คุณอาจจะเสพคุ้นมาจนเคยชินโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
จากนี้ไปลองเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ดูสิ เช่น เวลาทำอะไรดีๆ ให้คนอื่นแล้วคุณลองไม่อยากได้อะไรตอบแทนดู คุณจะรู้สึกว่าสิ่งที่คุณได้รับนั้นมันยิ่งใหญ่กว่ากันมากอย่างชนิดที่เทียบกันไม่ได้เลยกับวัตถุหรือเงินที่คุณเคยได้รับ เช่น หากคุณเคยสอนหนังสือให้เด็กชาวเขาแล้วเดือนหนึ่งคุณได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นบาท กับการที่คุณสอนหนังสือให้เขาแล้วคุณไม่ขอรับค่าตอบแทน เพราะคุณมีความสุขที่ได้ช่วยคนอื่นคุณจะรู้สึกว่าความสุขที่คุณได้รับจากการทำความดีแล้วไม่ถูกตีเป็นตัวเงินนั้น มันยิ่งใหญ่กว่ากันอย่างไม่มีทางเทียบกันได้เลย
ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่สูงกว่าผลประโยชน์อีกมากมาย เราควรเปิดใจให้กว้าง อย่าผูกติดชีวิตกับผลประโยชน์มากเกินไป แล้วจะได้รู้ว่าการทำดีโดยที่ไม่ขอรับผลประโยชน์ตอบแทนนั้นมันส่งผลต่อชีวิตมากเพียงใด
การทำความดีเพราะตระหนักรู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ กับการทำความดีเพราะรู้ดีว่ามีผลตอบแทนเป็นผลประโยชน์นั้น ให้ผลต่อชีวิตจิตใจอย่างไม่มีทางเทียบกันได้
ขอแนะนำให้คุณลองทำอะไรดีๆ แล้วถอยออกมาอยู่ข้างหลังเงียบๆโดยไม่สมอ้างว่าความดีนั้นตนเป็นคนทำ แล้วคุณจะเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนกล่าวมาข้างต้นนี้ด้วยตนเองเป็นอย่างดี
บทความน่าสนใจ
“แม่ไม่รักผม!” วิธีวางใจ กับประโยคที่แม่คนไหนก็ไม่อยากได้ยิน บทความจากแม่ชีศันสนีย์
True Story: รักนี้จัดหนัก ชีวิตคู่ที่แตกยับของเมียนักมวย
วิธี ให้อภัยตัวเอง และ รักตัวเอง เมื่อทำผิดพลาดไป
5 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คุณ สมหวังในความรัก
วันนี้ผมรักอาชีพนักข่าวมากที่สุด หนุ่ม อนุวัต เฟื่องทองแดง