ดิฉันชื่อ บรรจง มหาไชย เป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร วัดอัมพวัน
ปี 2543 ดิฉันเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเสื้อผ้าเลย เมื่อมีคนแนะนำให้ซื้อเสื้อผ้าแบบไหนมาขาย ดิฉันก็ลงทุนตามเขาเพราะอยากรวย ชีวิตช่วงนั้นเป็นไปอย่างเร่งรีบ การสวดมนต์ก่อนนอนเป็นเรื่องเสียเวลา แต่ละวันมีแต่ความร้อนรนและทะเลาะกับลูกน้องอยู่เสมอ หลังจากเปิดร้านได้เพียงปีเศษ ๆ ก็เริ่มขาดทุนจนต้องหยุดกิจการ
จากเดิมมีหนี้สินหลักแสน เมื่อธุรกิจล้มละลายก็มีหนี้สินนับสิบล้าน ดิฉันต้องยืมเงินจากเจ้าหนี้รายหนึ่งไปใช้เจ้าหนี้อีกรายหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ แต่ยิ่งดิ้นรนปัญหาก็ยิ่งรุมเร้า จนแม่ต้องจำนองบ้านและที่ดินที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อนำเงินมาช่วยเหลือ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอปลดหนี้และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้ ดิฉันนอนร้องไห้ทุกคืนเพราะเสียใจที่ทำให้แม่เป็นห่วงและไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูท่านได้เหมือนเดิม
จนคืนหนึ่งดิฉันฝันเห็นทางเข้าวัดสวยงาม มีต้นโพธิ์สูงใหญ่ เห็นกุฏิพระ เมื่อตื่นขึ้นจึงฉุกคิดว่าควรละทิ้งปัญหาไว้ชั่วคราวและไปปฏิบัติธรรม ซึ่งเพื่อนแนะนำให้ไปที่ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
เมื่อเดินเข้าวัด ดิฉันก็จำได้ทันทีว่า วัดที่เห็นในความฝันคือวัดอัมพวัน เพราะทั้งทางเดิน ต้นโพธิ์ กุฏิพระ และบรรยากาศโดยรอบเหมือนกันทุกประการ ดิฉันคิดว่าคงเป็นบุญวาสนาที่จะได้มาเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม จึงเพียรปฏิบัติธรรมด้วยความตั้งใจ มีสติ ระลึก รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา
เชื่อหรือไม่ เพียง 3 วัน ดิฉันเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงของชีวิต มีสติ จิตใจเข้มแข็งพร้อมจะกลับไปเผชิญกับปัญหาทุกอย่างหลังกลับจากปฏิบัติธรรม ปัญหาทางธุรกิจยังคงมีอยู่ คราวนี้ดิฉันไม่ร้อนรนอีกแล้ว แต่ใช้ความสงบแก้ไขปัญหา จนทยอยใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ได้ครบทุกคน และเริ่มต้นเปิดร้านขายเสื้อผ้าได้อีกครั้ง
ปัจจุบันเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว ร้านเสื้อผ้ายังคงขายดีและมีลูกค้าประจำเหนียวแน่น ดิฉันเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้มาจากผลบุญที่ได้บริจาคเงินสร้างโบสถ์วิหารตามโอกาสและกำลังทรัพย์ จัดพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรีให้ลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้า รวมทั้งซื้ออาหารและของใช้จำเป็นให้นักโทษในเรือนจำที่ไม่มีญาติช่วยเหลือ และที่สำคัญคือ การทำบุญให้ตัวเองด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ และเดินจงกรมก่อนเข้านอนทุกวัน จนสามีเรียกดิฉันว่า “คุณโสดาบัน”
ดิฉันขอบคุณความทุกข์ยากในวันนั้นที่ทำให้ได้ไปปฏิบัติธรรมจนรู้จักปล่อยวาง และกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ผู้สอนปฏิบัติธรรมที่ทำให้รู้ว่า ไม่มีผู้ใดดับทุกข์แทนเราได้นอกจากตัวเราเอง ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ดิฉันจึงไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 10 วันที่วัดอัมพวันเป็นประจำทุกปี
วันนี้ดิฉันมีความสุขกับชีวิต แต่ไม่ได้เกิดจากการมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย หากเป็นความสุขที่สามารถมองทุกอย่างด้วยใจสงบ ปล่อยวาง และไม่ร้อนรนอีกต่อไป
ที่มา นิตยสาร Secret ฉบับที่ 162
เรื่อง บรรจง มหาไชย
เรียบเรียง Ametal
ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี
บทความน่าสนใจ
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ผู้เด็ดเดี่ยวในการธุดงค์ปฏิบัติธรรม
ประโยชน์ของการปฏิบัติธรรม ในที่สัปปายะแก่จริต
ปฏิบัติธรรมแบบสบายๆ สไตล์คนขี้เกียจ