ปรุงชีวิตให้กลมกล่อม แบบ พล ตัณฑเสถียร
เชื่อไหมว่า นอกจากเราจะปรุงรสชาติอาหารให้ถูกปากลงตัวแล้ว “ชีวิต” ก็ปรุงรสได้เช่นกัน และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่จะกลมกล่อมเป็นที่ยอมรับทั้งกับตนเองและคนรอบข้าง อย่างที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำและสำเร็จ พล ตัณฑเสถียร นักแสดงหนุ่มมาดเนี้ยบ เป็นที่รู้จักครั้งแรกด้วยบทบุตรชายโกโบริ จากภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม 2 เมื่อปี 2539 และโด่งดังอย่างมากด้วยบทนักการเมืองไฟแรง จากละครเรื่อง จินตปาตี ในปีเดียวกัน
แม้พลจะจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ MBA จากสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยความรักและชื่นชอบในงานศิลปะทุกแขนงประกอบกับความเชื่อที่ว่า งานศิลปะจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อคนสัมผัสได้ เป็นผลให้งานในปัจจุบันของพลเน้นหนักไปทางด้านอาหารและโภชนาการ
นอกจากพลจะเคยทำธุรกิจร้านอาหารแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นวิทยากรพิเศษ คอลัมนิสต์ รวมถึงทำรายการโทรทัศน์เชิงวาไรตี้ ซึ่งล้วนเป็นงานบริการและให้ความรู้ทางอาหารอย่างที่ใจรัก
เติบโตและแข็งแรงจากแรงต้าน
ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่น พลเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ อยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น เมื่อไม่ได้ดั่งใจจะอาละวาดทันทีทั้งคำพูดและการกระทำ โดยไม่เคยคิดถึงความรู้สึกใคร คิดเพียงว่า “ทุกคนต้องทำเพื่อฉัน”
ช่วงนั้นพลจึงเสียเพื่อนดีๆ คนที่รักเราด้วยความจริงใจไปจนเกือบหมด จนอยู่มาวันหนึ่งก็ถามตัวเองว่า “เอ๊ะ ทำไมเราถึงไม่มีเพื่อน ไม่มีคนที่รักเราเลย” พลคิดครู่หนึ่งก็ได้คำตอบว่า
“ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงตนเอง ชีวิตนี้คงต้องเสียของรัก เสียคนรอบข้างที่หวังดีกับเราไปอีกไม่รู้เท่าไร”
คนรอบข้างจึงเป็นแรงต้านและกระจกเงาชั้นดีที่ทำให้พลเปลี่ยนมาใส่ใจกับเรื่องความรู้สึกมากขึ้น เพราะได้รู้แล้วว่าความรู้สึกเป็นสิ่งที่บอบบาง มีค่า และมีความสำคัญแม้จะมีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้
ลูกน้องทุกคนนับเป็นแรงต้านชั้นดีที่ทำให้พลเติบโตและแข็งแรงมากยิ่งขึ้นในด้านความคิด ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากพวกเขา โดยเฉพาะการยอมรับและเข้าใจในฐานะนายที่ดี เพราะพลเชื่อตามที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งสอนไว้ว่า
“ว่าวจะขึ้นที่สูงไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีลมต้าน”
แต่เราต้องระวังด้วยว่า ถ้าแรงต้านทั้งสองฝ่ายมากเกินไป เราไม่ฟังเขา เขาไม่ฟังเรา ที่สุดแล้วสายป่านว่าวก็ขาด ว่าวไม่สามารถไปถึงไหนได้ และถ้าเป็นเช่นนั้น…ร้านของพลก็คงไม่มีวันนี้
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป>>>