บริหารใจสไตล์ยุคดิจิทัล ปลุกไฟให้ชีวิต
หลายคนต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แถมเวลาพักก็หมกมุ่นอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์ การดูโพสต์ของเพื่อนๆ การเสพข่าวสารต่างๆ จนบางครั้งเกิดการเปรียบกับชีวิตของตนเอง ปัญหาโซเชียลมีเดียกลืนกินความสุขเหล่านี้ อาจทำให้รู้สึกหมดไฟ ว่าแล้วลองมาใช้เทคนิคบริหารพลังใจและพลังกาย จากไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลตามแบบฉบับของ Thai Health Academy กันดีกว่า
หลักการใช้เทคโนโลยี
ก่อนจะบริหารใจและกายได้ เราต้องรู้จักกับกุญสำคัญในการใช้เทคโนโลยียุคดิจิทัล เพื่อให้เรามีสุขภาวะที่ดีก่อนใช้โซเชียลมีเดียเสียก่อน
- รู้จักว่า มีเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจริงของเรา
- รู้ว่า ทำไมเราจึงโพสต์สิ่งต่างๆ ลงในโลกออนไลน์
- รู้ความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์
- รู้จักจิตวิทยาเชิงบวก
- รู้จักการสร้างความสมดุลของชีวิตกับเทคโนโลยี
- ไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี
- รู้เท่าทันสื่อออนไลน์ต่างๆ
เทคนิคบริหารใจและกายสไตล์ยุคดิจิทัล
การรู้หลักการใช้เทคโนโลยจะช่วยให้เราบริหารกายและบริหารใจได้จริง โดย รศ.ดร.นพ.นันทวัช สิทธิรักษ์ อธิบายไว้ ดังนี้
1.การรู้จักว่า มีเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจริงของเรา คือรู้ว่า เทคโนโลยีที่เข้ามาในชีวิตจริงของเรานั้นคืออะไร เพราะหลายคนใช้เทคโนโลยีตั้งแต่ตื่นจนนอน เราจึงควรใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาชีวิตในทุกๆ ด้าน โดยต้องรู้จักจำกัดเวลาในการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
2.ทำไมเราจึงโพสต์สิ่งต่างๆ ลงในโลกออนไลน์ นั่นเพราะมนุษย์ชอบการพูดคุยสื่อสาร เราจึงชอบแชร์ความรู้สึก บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน
3.ความต้องการของมนุษย์คืออะไร ความต้องการลึกๆ ของเราคืออะไรกันแน่นั้น เราสามารถแบ่งความต้องการขั้นพื้นฐานเป็นพีระมิด คือ
- ความต้องการทางร่างกาย เช่น อาหาร น้ำ ออกซิเจน การนอน
- ความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิต
- ความต้องการเป็นที่รัก
- ความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง
- ความต้องการศักยภาพขั้นสูงสุดของตนเอง
เมื่อเข้าใจความต้องการขั้นพื้นฐาน เราก็จะเข้าใจการใช้โซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้น และไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อออนไลน์
4.จิตวิทยาเชิงบวก เพราะทุกคนล้วนต้องการความสุขในชีวิต ต้องการประสบความสำเร็จ เราจึงต้องรู้วิธีทำให้ตนเองสนุก และมีอารมณ์เชิงบวก เพื่อบรรลุเป้าหมายของชีวิต
5.การสร้างความสมดุลกับเทคโนโลยี หากใช้เทคโนโลยีแล้วเรามีความสุข นั่นคือมาถูกทางแล้ว แต่ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไม่มีคุณค่าเพราะโลกออนไลน์ เราอาจต้องเปลี่ยนมุมมองและวิธีใช้เทคโนโลยีเสียแล้ว
6.เราจะเป็นเจ้านายของเจ้าเทคโนโลยีนี้ได้อย่างไรนั้น ก่อนอื่นเราควรรู้ว่าในแต่ละวันเราใช้เวลากับโลกดิจิทัลนานเท่าไร เปิดกี่แอพ และจะจัดการกับการแจ้งเตือนที่มาจากโซเชียลมีเดียได้อย่างไร ถ้าทำได้ เราก็ไม่ตกเป็นทาสดิจิทัล ตัวอย่างเช่น ในวัยรุ่นควรมีเวลาออกกำลังกาย เราลองคิดสิว่า เราเคลื่อนไหวร่างกายเพียงพอไหม ซึ่งวัยรุ่นควรมีเวลาได้ออกกำลังมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางวันละ 1 ชั่วโมง และมีโอกาสได้มีกิจกรรมทางกายที่มีการห้อยโหน ยืดตัว กระโดดโลดเต้นทุกๆ วัน แล้วเราใช้เวลาไปกับกิจกรรมทางกายพอหรือไม่ หากเราไม่ขยับตัวเลย และเอาแต่กดมือถือ นั่นเรียกว่า เหยื่อของเทคโนโลยี
7.การรู้เท่าทันสื่อ เราต้องรู้ว่าสื่อมาจากไหน ใครเป็นคนสร้าง และทำไมสื่อเหล่านี้จึงมีความน่าสนใจ มีอะไรซ่อนอยู่ข้างในสื่อ และเราคิดอย่างไรกับสื่อต่างๆ ที่เสพในแต่ละวัน ซึ่งเราจะเชื่อในสื่อเหล่านั้นมั้ย ถ้าฝึกใจให้รู้เท่าทัน ก็เท่ากับใช้เทคโนโลยีได้อย่างถูกทาง
หลักทั้ง 7 นี้ จะช่วยให้เราอยู่ในยุคดิจิทัลได้อย่างสบายใจและสบายกาย และเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ทุกคนสามารถมาเรียนรู้อย่างเจาะลึกเรื่องนี้ไปด้วยกันได้ที่ สถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ Thai Health Academy