ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง รากผมไม่แข็งแรง การฉีด PRP ผมเป็นหนึ่งทางเลือกในการรักษาปัญหานี้ ในปัจจุบันวิธีการรักษาผมร่วงนั้นมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม หนังศีรษะ และความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการฉีด PRP ก็เป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เพียงแค่ใช้เกล็ดเลือดของเราเองเท่านั้น
ในบทความนี้ เราได้รวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการรักษาผมร่วงและดูแลผมบาง ด้วยการฉีด PRP มาให้คุณแล้ว พร้อมทั้งจะพาไปดูขั้นตอนการฉีด PRP รักษาผมร่วงที่หลายคนสนใจไว้ในบทความนี้แล้ว ไปดูกันได้เลย!
ฉีด PRP คืออะไร
การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นนวัตกรรมการปลูกผมที่ถูกพัฒนามาเพื่อรักษาผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางโดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีด PRP คือ การนำเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเองออกมาประมาณ 10 มิลลิลิตร จากนั้นจะนำเกล็ดเลือด (พลาสมา) ที่ได้มาปั่น เพื่อแยกส่วนของเกล็ดเลือดที่อุดมไปด้วย Growth factor ออกมา ซึ่งสารอาหารนี้จะช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่
ฉีด PRP เหมาะและไม่เหมาะกับใครบ้าง
สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผมร่วงและผมบางด้วยการฉีด PRP ควรตรวจสอบรายละเอียดด้านล่างนี้ก่อน ว่าตัวเองมีความเหมาะสมในการฉีด PRP หรือไม่ เนื่องจากการรักษาปัญหาผมด้วยวิธีนี้มีข้อจำกัดที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรักษาได้
การฉีด PRP เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีผมบาง ผมร่วงเป็นหย่อม
- ผู้ที่มีภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์
- ผู้ที่ใช้ยารักษาผมร่วงแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีผมเส้นเล็กที่ยังมีรากผมหลงเหลืออยู่ และต้องการรักษาเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น
- ผู้ที่ทำการรักษาปัญหาผมด้วยวิธีผ่าตัดด้วยการปลูกผม FUE หรือปลูกผม FUT
- ผู้ที่อยากรักษาปัญหาผมแต่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นหลังผ่าตัด
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหลังอาการเจ็บป่วย
การฉีด PRP ไม่เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่ผมบางมากจนไม่มีรูขุมขนบริเวณศีรษะแล้ว
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาให้ยาเคมีบำบัด
- ผู้ที่มีโลหิตจาง หรือมีความผิดปกติของเกล็ดเลือด
- ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด
- ผู้ที่กำลังจะทำหัตถการด้วยการฉีด Botox หรือ Filler
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง โรคความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด PRP
ขั้นตอนการฉีด PRP มีอะไรบ้าง
หลังจากทราบข้อข้อจำกัดของการฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) กันไปแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่าการฉีด PRP นั้นมีขั้นตอนอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกันได้เลย
- ผู้ที่สนใจรักษาปัญหาผมจะได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำก่อนฉีด PRP รวมถึงชี้แจงวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะหลังฉีด PRP ที่ผมอีกด้วย
- หลังจากประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากผู้ป่วยปริมาณ 10 มิลลิลิตร และนำเข้าเครื่องแยกเกล็ดเลือดเป็นเวลา 5 นาที
- ในระหว่างรอการแยกตัวของเลือด แพทย์จะทำการฉีดยาชาในบริเวณที่จะทำการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น และลดการเจ็บปวดขณะฉีดด้วยการใช้น้ำแข็งประคบ หรือเครื่องสั่นลดปวดร่วมด้วย
- เมื่อเครื่องปั่นทำการแยกเกล็ดเลือดเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นปริมาณ 1 มิลลิลิตรต่อตารางเซนติเมตร โดยใช้เข็มฉีดลงบนหนังศีรษะด้วยความลึก 1.5-4 มิลลิเมตร
- หลังจากฉีด PRP ผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้รับการฉายเลเซอร์ต่ออีกประมาณ 20 นาที เพื่อกระตุ้นการผลิตเส้นผมใหม่ และเป็นการบำรุงหนังศีรษะ
ฉีด PRP กี่ครั้งถึงเห็นผล
การฉีด PRP ส่วนใหญ่จะเห็นผลประมาณครั้งที่ 3 ขึ้นไป ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผม การตอบสนองของแต่ละบุคคล และการดูแลรักษาเส้นผมและหนังศีรษะหลังฉีด PRP ผม ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ฉีด PRP ทุก 1 เดือน จนครบ 3 ครั้ง หลังจากทำครั้งที่ 3 จะเป็นช่วงบำรุงรักษาต่อเนื่องหลังจากการฉีดกระตุ้นผม โดยหลังฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะการฉีด PRP เป็นหัตถการที่ปลอดภัย เนื่องจากใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากร่างกายของเราเอง
แนะนำคลินิกปลูกผม Dr.Tarinee Hair Clinic ชะลอผมหลุดร่วง
ใครที่กำลังมองหาวิธีที่จะแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง รากผมไม่แข็งแรง การฉีด PRP ถือเป็นวิธีที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากการฉีด PRP ผม จะใช้เกล็ดเลือดที่ถูกปั่นจากเลือดของเราเองในการบำรุงเซลล์รากผม นอกจากนี้ การรักษาปัญหาผมวิธีนี้ยังไม่ต้องรอพักฟื้นให้เสียเวลา เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัดอย่างวิธีการรักษาอื่น ๆ
แต่การที่เราจะฉีด PRP ควรทำกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากที่สุด
หากคุณไม่รู้จะฉีด PRP ที่ไหนดี เราขอแนะนำ Dr.Tarinee Hair Clinic เพราะที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม มีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษาโรคเส้นผมและหนังศีรษะกว่า 15 ปี คุณสามารถลองปรึกษาได้ที่
- เบอร์ : 088-951-9193
- Line ID : @Drtarinee
- IG : DrTarineeHairclinic
- Facebook : DrTarineeHairClinic
สรุปเกี่ยวกับฉีด PRP
การฉีด PRP เป็นการรักษาปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ผมร่วงเป็นหย่อมแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลา รวมถึงเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการนำเลือดของตัวเราเองมาปั่นเป็นเกล็ดเลือดเข้มข้น ฉีดกลับเพื่อรักษาเซลล์ในหนังศีรษะเอง
ซึ่งการรักษาด้วยการฉีด PRP จะให้ผลลัพธ์ในเรื่องการชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่ และเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับคุณเอง