3 โรคหายเองได้ ไม่ต้องกินยา
แม้ว่า ยาปฏิชีวนะ จะช่วยรักษาโรคได้ แต่ยาปฏิชีวนะก็เป็นยาที่ต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ เพราะอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ หลายคนเข้าใจว่าเมื่อมีอาการป่วยก็ต้องกินยา โดยเฉพาะกินยาปฏิชีวนะจะช่วยลด อาการป่วย ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าทำแบบนั้นไม่ถูกแถมยังเป็นการทำลายสุขภาพอีกด้วย
ข้อเสียของการรับประทานยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือเกินความจำเป็น
-สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
-เสี่ยงต่อการแพ้ยา
-อาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
-อาจเสี่ยงดื้อยา และทำให้ต้องใช้ยาที่แพงขึ้น ออกฤทธิ์แรงขึ้น อันตรายมากขึ้น
รู้แบบนี้ถึงเวลาเปลี่ยนความเคยชิน มาเป็นความเข้าใจพร้อมวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้อง เพื่อหยุดยั้งภาวะเชื้อดื้อยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาย้ำไม่ให้ประชาชนกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อพร้อมระบุ 3 โรคหายได้เองโดยไม่ต้องกินยา ดังนี้
โรคหวัดเจ็บคอ
มากกว่าร้อย 80 เกิดจากเชื้อไวรัส โดยทั่วไปจะมีอาการนาน 7 – 10 วัน โดยในวันที่ 3 – 4 จะมีอาการหนักที่สุด ควรดื่มน้ำอุ่นและพักผ่อนให้เพียงพอ หลังจากนั้นอาการจะทุเลาลงตามลำดับ
อาการเจ็บคอและคอแดง เป็นอาการที่พบได้บ่อยเมื่อป่วยด้วยโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบน ขณะเจ็บคอย่อมมีการอักเสบขึ้นในบริเวณลำคอ เนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อการติดเชื้อ การติดเชื้อที่คอร้อยละ 85 ไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แต่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโรคหวัด ไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ไวรัสโรคมือ เท้า ปาก เป็นต้น ดังนั้นการเจ็บคอมากกว่า 8 ใน 10 ครั้งจึงไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
ทั้งนี้เพราะยาปฏิชีวนะไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส จึงไม่ทำให้โรคหายเร็วขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นเราจึงควรสร้างความเข้าใจใหม่ให้กับสังคมไทยด้วยการเลิกเรียกยาปฏิชีวนะว่ายาแก้อักเสบ เพื่อขจัดความเข้าใจผิดว่าเมื่อมีคออักเสบ ต้องกินยาแก้อักเสบ ทั้งที่คออักเสบส่วนใหญ่หายได้เองด้วยภูมิต้านทานโรคของร่างกาย โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
แต่หากมีอาการเจ็บคอ มีหนองที่ต่อมทอนซิลต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรโต หรืออาการแย่ลง ควรพบแพทย์
ท้องเสีย
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสหรืออาหารเป็นพิษ มีอาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยรักษาโดยดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป ควรกินอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก หรือ ข้าวต้ม งดอาหารรสจัด หรือ อาหารย่อยยาก หลีกเลี่ยงการทานนมทุกชนิด และหากท้องเสียไม่ติดเชื้อแบคทีเรียอาจใช้ผงถ่านคาร์บอน (Activated charcoal) ดูดซับสารพิษ และก๊าส ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง ถ้าท้องเสียร่วมกับมีไข้สูง และถ่ายเป็นมูกเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ หรือ ปรึกษาเภสัชกร
แต่หากมีไข้และอุจจาระมีมูกปนเลือด ต้องรีบพบแพทย์
แผลเลือดออก
สำหรับผู้ป่วยที่มีแผลเลือดออก เช่น แผลมีดบาด แผลถลอก ควรล้างทำความสะอาดให้ถูกต้อง ถ้าแผลไม่สัมผัสสิ่งสกปรก และผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงดี เช่นไม่เป็นเบาหวาน ก็ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ผู้ป่วยจะต้องไม่ให้แผลโดนน้ำ รักษาบริเวณแผลให้สะอาด ไปทำแผลตามนัด หรือทำแผลเองอย่างถูกวิธี ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ไม่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น การรักษาความสะอาดของแผลให้ดีก็เพียงพอที่จะทำให้แผลหายได้ แต่ถ้าแผลบวมอักเสบ ต้องรีบไปหาหมอทันที
ทั้ง 3 โรคที่เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้บ่อย จึงไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยให้หายเร็วขึ้นแต่อย่างใด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังเป็นการสิ้นเปลืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยาด้วย ดังนั้น ก่อนใช้ยาปฏิชีวนะควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าโรคที่เป็นนั้นจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่
ข้อมูลประกอบจาก: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เลี่ยงได้ไม่ป่วย 5 ของแปลกก่อภูมิแพ้
ชวนรู้จัก โรคจากอาหาร ทำป่วยได้ อย่าประมาท
คนภาคไหน ป่วยเป็นโรคอะไร แพทย์แผนไทยทำนายได้