นอนไม่พอ โทษหนักร่างกายพังเละจากภายใน สู่ภายนอก

นอนไม่พอ พังเละจากภายในสู่ภายนอก

ปกติเราจะได้ยินคำว่า ดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก แต่ถ้าอดหลับอดนอน หรือ นอนไม่พอ ก็จะเป็นการทำร้ายร่างกายให้พังไม่เป็นท่า จากภายในสู่ภายนอก เช่นเดียวกัน เพราะการนอนเป็นการพักผ่อนที่สำคัญต่อสุขภาพมากๆ เลยนะคะ ไม่ว่าจะช่วยฟื้นฟูระบบต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ การผ่อนคลายสมอง และความคิด

วันนี้ชีวจิตจึงมีคำแนะนำโดย ดร.เรเบกก้า โรบินส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนจากนิวยอร์ก มาบอกเล่าว่านอนยังไงให้ได้สุขภาพดี แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนค่ะว่า ถ้าเรานอนไม่ดี มันจะพังกันแค่ไหน

นอนไม่พอทำให้ ผิวเหี่ยว เพราะขาดฮอร์โมนช่วยฟื้นฟู

การที่ร่างกายไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอจะส่งผลต่อผิวโดยตรง การนอนไม่เพียงพอเป็นการกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนความเครียดให้หลั่งออกมามากเกินไป ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันปั่นป่วนก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังตามมา เช่น สิว ผิวแห้ง โรคสะเก็ดเงิน โรคเรื้อนกวาง เพราะในขณะที่คุณนอนหลับ ร่างกายและผิวหนังจะได้ซ่อมแชมตัวเอง

ในช่วงเวลาที่หลับลึกนั้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการผลิตเซลล์ผิวทดแทนเซลล์ผิวที่โดนทำลายไประหว่างวัน จากการโดนแดดและมลภาวะต่างๆ การผลิตเซลล์ใหม่เหล่านี้ในตอนกลางคืน ทำให้เราตื่นมาพร้อมกับผิวพรรณที่กระจ่างใสดูเป็นธรรมชาตินั่นเอง

นอนไม่พอทำให้ ตาบวม รับอรุณ

การนอนน้อยเกินไปทำให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัว ส่งผลให้ใต้ตาดำและดำ หากเราได้นอนหลับอย่างเพียงพอ ปัญหานี้จะน้อยลง เพราะช่วงเวลาแห่งการนอนหลับช่วยให้ร่างกายได้ลำเสียงน้ำไปบำรุงอวัยวะต่างๆ ที่ขาดน้ำ ดังนั้นการที่เรานอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง ร่างกายจะนำน้ำไปเลี้ยงดวงตาได้น้อย ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำและบวมตุ่ย

นอนไม่พอทำให้ อยากกินตลอด น้ำหนักพุ่ง

หากนอนไม่พอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนบางตัวที่ทำให้รู้สึกหิวจัดๆ จนต้องหาอะไรกินตลอดเวลา แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือน้ำหนักตัวที่พุ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่

แต่หากได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ จะมีอาการอยากขนม หรืออาหารน้อยลง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าวว่า ผู้ที่กำลังควบคุมอาหาร หากได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มจะสามารถลดไขมันในร่างกายได้มากกว่าคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอถึงร้อยละ 55 เลยทีเดียว

นอนไม่พอ ทำให้ หดหู่ ซึมเศร้า

คนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะมีอาการหดหู่และอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ในระยะยาว มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า คนที่นอนไม่หลับมีแนวโน้มจะเกิดอาการหดหู่มากกว่าคนที่นอนหลับสนิทประมาณสิบเท่า และถ้าคุณมีอาการนอนหลับไม่เพียงพอเป็นเวลา 1 สัปดาห์ติดต่อกัน อาจทำให้คุณรู้สึกเศร้า โกรธ และมีพฤติกรรมในด้านลบมากขึ้น เพราะฉะนั้นการที่คุณอารมณ์ดีหรือไม่ดีในแต่ละวันบางทีก็อาจเกิดจากการนอนหลับของคุณในคืนก่อนหน้าด้วย

นอนเท่าไหร่ดี ?

คร.เรเบกก้าย้ำว่าวัยรุ่นและวัยทำงานควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมงทุกๆ คืน ซึ่งในแต่ละช่วงอายุก็อาจจะต้องการชั่วโมงการนอนมากน้อยต่างกันไปแต่ไม่มีใครที่ต้องการเวลานอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงเลย

แต่ถ้าใครคิดว่า ถ้าอย่างนั้นก็นอนยาวๆ ไปเลย เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ละก็ เราขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะการนอนนานไปก็ไมใช่สิ่งที่ดีนัก ดร.เรเบกก้ากล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนี้มีงานวิจัยมากมายสรุปผลออกมาว่า การนอนมากกว่า 8 ชั่วโมงติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอสามารถส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในระยะยาว โดยเฉพาะต่อระบบประสาทที่อาจทำให้เกิดอาการเกี่ยวกับระบบประสาทได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์

สรุปแล้วไม่ว่าเมื่อไหร่ การนอน 7-8 ชั่วโมง ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรนอนมากหรือน้อยเกินไป นั่นเองค่ะ

สมุนไพรช่วยให้นอนหลับ

เก๋ากี้

หรือที่หลายคนเรียกว่า โกจิเบอร์รี่ เป็นทั้งผลไม้และสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย จากผลการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Alternative and Complementary Medicine เมื่อปี ค.ศ. 2008 พบว่า อาสาสมัครทั้งหมด 75 คนที่ดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่เป็นประจำนาน 15 วัน มีแนวโน้มสุขภาพแข็งแรงขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานมากกว่าที่ผ่านมา นอนหลับได้ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

ซึ่งเมื่อทดลองดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ค้นพบว่ากลุ่มอาสาสมัครมีความเครียดน้อยลง ความอ่อนเพลียเหนื่อยล้าลดลง ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะมีความสุขสูงขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ไม่ได้ดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่เป็นประจำ

คำเตือน: หนังสือ พฤกษบำบัด ยาดีจากธรรมชาติ สำนักพิมพ์บ้านและสวน ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่กำลังรับการบำบัดด้วยเคมีหรือฉายแสงควรหลีกเลี่ยงการใช้เก๋ากี้ รวมทั้งผู้ที่กำลังกินยารักษาความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานควรขอคำแนะนำก่อนใช้เช่นกัน เนื่องจากเก๋กี้อาจเสริมฤทธิ์ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน จึงควรหลีกเลี่ยงการกินร่วมกัน

พุทราจีน

เป็นสมุนไพรยาอายุวัฒนะของจีนที่ใช้กันมานาน ช่วยเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ให้พลังงานที่ดี สร้างความสดชื่นให้แก่ร่างกาย และที่สำคัญยังสามารถช่วยลดอาการเครียด ทำให้นอนหลับสบาย พร้อมช่วยซ่อมแซมเซลล์สมองในขณะที่หลับ จึงตื่นขึ้นมาด้วยความสุดชื่น กระปรี้กระเปร่า

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า พุทราจีนช่วยลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิต้านทานสูงขึ้น จึงช่วยป้องกันหวัด ช่วยให้อาการภูมิแพ้ต่างๆ ทุเลาลง ช่วยบำรุงตับและเลือด ลดความดันเลือดที่เลี้ยงลูกตา จึงลดอาการปวดตา แสบตา และตาแห้งได้ดี

คำเตือน: ผู้สูงอายุไม่ควรกินเกิน 20 ผล เนื่องจากทำให้มีกรดในกระเพาะอาหารมาก ท้องอืด ท้องผูก ทำลายระบบย่อยอาหาร จนอาจเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและโรคกรดไหลย้อน