อันตรายจากศัลยกรรม

สวยสยอง อันตรายจากศัลยกรรม

อันตรายจากศัลยกรรม ที่คาดไม่ถึง

วันนี้แอดมีนิยายจากชีวิตจริง มาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ เป็นเรื่องราวของ อันตรายจากศัลยกรรม ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดมาให้อ่านกัน ที่บอกว่าเป็นนิยายจากชีวิต นั้นก็เพราะ คุณหมอชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร ได้นำเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของคุณหมอมาร้อยเรียง เป็นนิยายให้ได้อ่านกันค่ะ

ผ่าตัดกราม ตามมาด้วยความตาย

รูปหน้าพิมพ์นิยมบรรจง

นุชจรียิ้มหวานสดชื่น เมื่อหนุ่มๆ เร่เข้ามากรุ้มกริ่ม ประแป้งนวลผสมน้ำที่แก้มตามประเพณีสงกรานต์ ถนนข้าวสารนี้มีผู้คนเต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ สายน้ำพุ่งสาดกันไปทั่ว ทั้งน้ำจากสายยาง จากขัน จากถัง จากปืนฉีดน้ำ เพื่อน ๆ สาวสวยที่มากับนุชจรีโดนยิงตัวเปียกโชก แต่ละคนมีหนุ่มฝรั่งรุมประแป้ง พากันหัวเราะ ระริกระรี้ นุชจรีแม้โดนสาดน้ำ โดนประแป้ง เธอยิ้มแต่ก็ไม่กว้าง หัวเราะแต่ก็ไม่เต็มเสียง

ใช่แล้วค่ะ นุชจรีเปรียบเทียบตนเองกับเพื่อนพริตตี้ด้วยกัน เธอรู้สึกว่า แม้หุ่นตนเองจะดีกว่า แต่รูปหน้าสวยสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ ล่าสุดมีงานมอเตอร์โชว์ พริตตี้สมัครเกิน ผู้รับงานคัดเธอออก เธอผู้ได้รับรางวัล ชุดพริตตี้ยอดเยี่ยมของงานมอเตอร์โชว์มาสดๆ ร้อน ๆ เป็นเรื่องน่าโมโห เสียใจ เสียหน้า ลดความเชื่อมั่นตนเอง ลดความมั่นใจ สร้างบาดแผลในใจไม่น้อย

นุซจรีมองตนเองในกระจก ตาคมโต คิ้วโก่ง ผิวขาวออร่าจากการฉีดวิตามินบำรุงผิวพรรณสารพัดสูตร จมูกโด่งพุ่งเรียวรับกับใบหน้าจากฝีมือมีดหมอ กว่าจะสวยสมใจ แก้แล้วแก้อีกถึงห้าครั้ง ครั้งสุดท้ายต้องเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู เธอคิดว่าตนมีข้อด้อยอย่างเดียวคือ คางเหลี่ยม หน้าจึงไม่เรียวเป็นรูปวีเชฟดังพิมพ์นิยม แม้เธอจะไปปรึกษาหมอเสริมสวยหลายครั้ง ฉีดโบท็อกซ์กราม ดูดไขมันแก้มและดาง ร้อยไหม หน้าก็ยังดูแบน ไม่สวย เพราะคางเหลี่ยม

นุชจรีโทษคางเหลี่ยมตนว่า นี่คือปัญหาและอุปสรรคของการทำงานหาเงิน ทำให้เธอไม่ได้อัปชั้นเป็นพริตตี้ราคาสูง

สาเหตุคางเหลี่ยมและหนทางแก้

ตอนไปปรึกษาหมอหมอบอกนุซจรีว่า คางเหลี่ยมนั้นไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ หรือเพราะมีไขมัน
เพียงอย่างเดียว การลดขนาดกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกซ์และดูดไขมันออกจึงไม่ได้ผล เป็นเพราะเธอมีกระดูกกรามขนาดใหญ่จากกรรมพันธุ์ จะให้หน้าเรียววีเชฟสวยสมใจต้องตัดกรามบางส่วนออก เรียกกันในวงการว่า เหลากราม นุซจรีปรึกษาเพื่อน ๆ หลายคนที่เคยตัดกรามมาก่อน ทั้งดูรีวิวการตัดกราม รูปของใบหน้าก่อนทำและหลังทำ แต่ละคนที่ทำหน้าเรียวสวยจริงๆ เธอจึงตั้งใจว่าจะเก็บเงินผ่าตัดกราม ซึ่งเป็นศัลยกรรมเสริมสวยราคาสูงตั้งแต่แปดหมื่นถึงแสนต้นๆ

นุชจรีหาข้อมูลเพื่อจะไปผ่าตัดกราม อันที่จริงเธอก็กลัว เพราะต้องดมยาสลบและอาจเสียเลือดมาก แต่ความอยากสวยมีมากกว่า เธอเข้าไปค้นข้อมูลออนไลน์ ชื่อหมอผ่าตัดกรามที่มีชื่อเสียง จบศัลยกรรมตกแต่ง โทรศัพท์ติดต่อแต่ละที่ ถามชื่อหมอ ราคาผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดกราม ขอดูรีวิว สุดท้ายเธอเลือกหมอปัน ตั้งคลินิกชื่อเดียวกับหมอ อยู่ในจังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพมหานคร

นุชจโทรศัพท์ปรึกษาเจ้าหน้าที่คลินิกหมอปัน เจ้าหน้าที่ส่งรูปรีวิวมาให้ดูเพิ่มมากมาย ตัดกรามแล้วสวยงามมากๆ
แม้นุชจรีจะรู้ว่ารูปรีวิวก็ต้องเลือกที่สวย ไม่สวย เอามารีวิวก็เสียชื่อ เจ้าหน้าที่พูดแต่ด้านดี จนนุชจรีลืมไปว่าการผ่าตัดเสริมสวยนั้นมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งนั้น เช่น ไม่สวยดังคิด อักเสบ ติดเชื้อ ฯลฯ เหมือนจมูกเสริมของเธอ กว่าจะได้ดังใจต้องผ่าตัดเสียเงิน เจ็บตัวถึง 5 ครั้ง

หมอปันจบศัลยกรรมตกแต่งจากสถาบันที่มีชื่อ ทำเคสผ่าตัดกรามมาเป็นจำนวนมาก ทั้งอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ลดราคาพิเศษร้อยละ 10 นุชจรีจึงตกลงผ่าตัดที่นี่ เจ้าหน้าที่คลินิกนัดแนะวันที่จะมาปรึกษาหมอก่อนผ่าตัด วันที่มาปรึกษาหมอ นุชจรีพบหมอปันเป็นครั้งแรก เขาเป็นหมอหนุ่มหน้าตาดี คุยเก่ง สมกับเป็นหมอศัลยกรรมความงาม หมอพูดคุยถามเหตุผลอย่างเป็นกันเอง ซักประวัติโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตรวจร่างกาย วางแผนผ่าตัดอย่างมีประสบการณ์ ให้ดูวิธีผ่าตัดในคอมพิวเตอร์ดูน่าเชื่อมั่น ทั้งคนไข้คลินิกนี้มีมากจริงๆ เดินเข้าออกตลอดเวลา คนไข้หลังผ่าตัดหน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น นุชจรีตกลงนัดหมอทำผ่าตัด

บอกแม่

“แม่ หนูเองนะจ๊ะ” นุชจรีโทรศัพท์ไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด “หนูจะไปผ่าตัดกรามนะจ๊ะแม่ กรามมันใหญ่ไม่สวย หาเงินยาก” เธอบอกแม่ตรงๆ

“อันตรายหรือเปล่าลูก ลูกก็สวยดีอยู่แล้วนะ สวยอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเรา” แม่แย้งด้วยความเป็นห่วง

“สวยในหมู่บ้านมาเทียบในกรุงไม่ได้เลยจ้ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เพื่อนๆ ของหนูเขาตัดกรามกันนักหนาแม่ หนูโทรศัพท์มาบอกเฉยๆ นะจ๊ะ หนูจะให้หญิงไปเป็นเพื่อนตอนผ่าตัด” นุชจรีบอกชื่อเพื่อนสนิท เป็นคนที่แม่รู้จักดี

“ดีๆ ให้หญิงไปคอยดูแล หญิงดูแลเก่ง ผ่าแล้วเป็นอย่างไรก็โทร. มาบอกแม่บ้างนะจ๊ะลูก อย่างไรแม่ก็เป็นห่วง”

“ได้จ้ะแม่”

อันตรายจากศัลยกรรม

ผ่าตัดกราม

อดข้าวอดน้ำหลังเที่ยงคืน แปดโมงเช้านุชจรีไปที่คลินิกพร้อมเพื่อนสนิทชื่อหญิง

“นุชแกกลัวหรือ มือเย็นไปหมดเลย” หญิงจับมือเพื่อน

“ใครจะไม่กลัวล่ะ ผ่าตัดใหญ่ต้องดมยาสลบด้วยทำจมูกฉีดยาซาทำ ตอนทำรู้ตัว เจ็บ แต่ไม่กลัว”

“คิดถึงความสวยเข้าไว้ คิดถึงเงินที่จะไหลมาเทมาเข้าไว้ แกจะได้ไม่กลัว” หญิงแนะนำ ก่อนนั่งรอที่โซฟา
แถวเคาน์เตอร์พยาบาล

นุชจรีเปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้ นอนบนเตียงผ่าตัด แนน วิสัญญีพยาบาลนอกเวลาของคลินิกนี้แทงเข็ม
น้ำเกลือเข้าบริเวณหลังมือ บอกคนไข้ว่า “ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวฉีดยาให้หลับก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว”

วิสัญญีพยาบาลใช้หน้ากากออกซิเจนครอบบนใบหน้าแจ้งว่า “กำลังจะฉีดยาแล้วนะคะ” นุชจรีรู้สึกเย็นวาบ
ที่หลังมือ แวบเดียวทุกอย่างก็มืดมิด นุชจรีหลับสนิท เธอคงไม่รู้ว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก!!!

หมอปันทำความสะอาดบริเวณขากรรไกรใบหน้า ทาน้ำยาฆ่าเชื้อ ใช้มีดกรีดเป็นแผลใต้ขากรรไกรเพื่อจะขริบ กระดูกออกตามแนวที่กะไว้ กรีดเสร็จหมอเอาผ้ากอซชับไว้และเดินออกจากจอการผ่าตัด เปิดประตูห้องผ่าตัดไปยืน
ที่ระเบียงแนนมองตาม ไม่ได้ทักท้วงอะไร เธอรู้ว่าหมอปัน

เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีนิสัยประหลาด บางคนเรียกว่านิสัยติสต์ คือต้องมีอารมณ์จึงจะผ่าตัดต่อ เขาจึงไปยืน
สร้างอารมณ์ อาจจะเป็นการจีบน้ำชา ฟังเพลง สูบบุรี่ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่นาน การไปเรียกให้รีบกลับมาผ่าตัดต่อ
เป็นการขัดจังหวะ ทำให้การสร้างอารมณ์เป็นไปได้ช้าไปอีก นี่คือสิ่งที่คนไข้ไม่รู้ ว่าหมอผ่าตัดแต่ละคนมีนิสัย
ส่วนตัวอย่างไร

วันนี้หมอปันสร้างอารมณ์ได้เร็ว ไม่นานนักเขาก็กลับมาผ่าตัดต่อ แม้จะเป็นหมอผ่าตัดฝีมือดีแค่ไหน แต่หัตถการที่ทำนั้นเสี่ยงเกินไปที่จะทำที่คลินิก เพราะกระดูกมีเลือดมาเลี้ยงมาก ตัดกระดูกขากรรไกรออกมีเลือดพุ่งตามการเลื่อย นอกจากเสียเลือดมาก เลื่อยโดนเส้นเลือดยังอาจไปโดนเส้นประสาทที่มาเลี้ยงใบหน้าอีกด้วย

แนนเฝ้าระวังการเสียเลือดตามหน้าที่วิสัญญีพยาบาลด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เธอรีบดันน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดนุชจรี ตามด้วยสารแทนเลือด ขณะหัวใจคนไข้เต้นรัว ความดันโลหิตตก เธอเตือนหมอปันด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมากนะคะ อาจจะถึงลิตรไปแล้ว”

หมอปันไม่ตอบ แต่เขาเร่งมือผ่าตัดจนการผ่าตัดเสร็จสิ้น

วิสัญญีพยาบาลถอนหายใจแบบโล่งอกที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นไปเสียที ดีใจที่สัญญาณชีพคนไข้ยังปกติ ความดันโลหิตที่ตกก็แก้ไขได้ทันท่วงที

ภาวะแทรกซ้อนของการวางยาสลบที่รุนแรงที่สุด

แต่แล้วขณะหมอปันเย็บปิดแผลที่ผิวหนังเข็มสุดท้ายนั้นเอง เสียงเครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพก็กรีดร้องระงม
เป็นเสียงหวอรถฉุกเฉิน แนนรีบคลำชีพจรคนไข้ รู้ว่าเต้นรัวผิดจังหวะ เมื่อมองดูจอมอนิเตอร์สัญญาณชีพเห็นคลื่น
ไฟฟ้าหัวใจเต้นผิดปกติ ออกซิเจนในเลือดคนไข้ตกจนจะเกิดอันตราย ความร้อนในตัวคนไข้พุ่งพรวดกะทันหัน
หน้าคนไข้เขียวคล้ำ ก่อนกระตุกเกร็งทั่วตัว

“หมอปัน” แนนเรียกหมอเสียงหลง “ตาย ‘า” หมอปันอุทาน เขายังมีสติดี รีบหยิบถุงอากาศมาครอบหน้าคนไข้ บีบอากาศเข้า ตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่คลินิกให้มาช่วยหมอปันใส่ท่อหายใจคนไข้อย่างทุลักทุเล สั่งให้ลูกน้อง
โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ทั้งเตรียมอุปกรณ์ CPR ช่วยฟื้นคืนชีพ

“ปั๊มหัวใจ” เขาตะโกน เมื่อเห็นคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบนราบในจอมอนิเตอร์ “เตรียมอะดรีนาลิน” หมอสั่ง เตรียมยากระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้น

หมอฉีดยาเข้าทางเส้นเลือด ขณะเจ้าหน้าที่คลินิกคนหนึ่งปีนขึ้นเตียงปั๊มหัวใจตามที่ได้รับการสอน 15 นาทีหลังจากนั้น รถกู้ภัยมาถึงพร้อมเจ้าหน้าที่เสียงหวอรถทำให้หญิงเพื่อนนุชจรีที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นยืนดูอย่างตื่นเต้น เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกรูกันเข้ามาในคลินิกพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต เธอยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเห็นนุซจรีถูกเคลื่อนย้ายเข้ารถฉุกเฉิน โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำรถปั๊มหัวใจต่อตลอดเวลา นั่นแหละหญิงจึงรี่เข้าไปหา ถามหมอปันด้วยเสียงสั่นเทา“นุชจรีเป็นอะไรไปคะคุณหมอ”

หมอปันแตะไหล่เพื่อนคนไข้ “คุณใจเย็นๆ นะ ผมผ่าตัดคุณนุชจรีเสร็จแล้ว แต่คุณนุชจรีแพ้ยาสลบ ผมกำลังนำส่งโรงพยาบาล คุณช่วยแจ้งญาติของคุณนุชจรีให้ผมด้วยว่าเธอแพ้ยาสลบ ให้โทร. มาหาผม เบอร์โทรศัพท์ของผม คือ..”

ระหว่างอยู่ในรถฉุกเฉิน หมอปันโทรศัพท์หาอาจารย์แพทย์ที่สนิทกันในโรงเรียนแพทย์ระดับมหาวิทยาลัยที่มี
ชื่อเสียงแห่งหนึ่ง “อาจารย์ครับ ผมผ่าตัดเสริมสวยให้คนไข้ เป็นผ่าตัดลดขนาดกรามครับ ผ่าเสร็จแล้ว แต่
คนไข้มีอาการมาลิกแนนต์ไฮเปอร์เทอร์เมีย (Malignant Hyperthermia) อาการหนักมากครับ ผมใส่ท่อหายใจ ขอรถฉุกเฉินมารับ ตอนนี้ปั๊มหัวใจมาตลอดทางเลยดรับ ผม อยากจะขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ให้ช่วยดูแลคนไข้รายนี้”

“ได้เลยหมอปัน ส่งคนไข้มาเลย เดี๋ยวผมติดต่อไอซียู และจะไปช่วยดูแลให้”

“กราบขอบพระคุณอาจารย์มากเลยครับ ที่กรุณาช่วยเหลือผมมาตลอด”

บทสุดท้ายของการตัดกราม

แม่ของนุชจรีร้องไห้เกาะโลงศพของลูกสาวแม่ได้รับการอธิบายจนเข้าใจว่า อาการที่ลูกสาวเป็น คือแพ้ยาสลบแบบอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรุนแรง (Malignant Hyperthermia) เป็นภาวะผิดปกติที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ไม่
สามารถทำนายได้ว่าใครจะมีอาการนี้ โอกาสเกิดน้อยมากในเมืองไทยพบหนึ่งรายต่อหนึ่งแสนคนที่ดมยาสลบ คนที่แพ้ยาสลบ เมื่อได้รับยาสลบที่แพ้ชนิดสูดดม หรือชนิดฉีดเข้าเส้นบางอย่าง สารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการหดเกร็งกล้ามเนื้อลายทั่วร่างกายอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการคลายตัวดังคนปกติ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความร้อนขึ้นสูง ภาวะเลือดเป็นกรด มีการทำลายเซลล์ต่างๆ ทำให้เกิดตับวาย ไตวาย เม็ดเลือดแตกทั่วร่างกาย หากแก้ไขไม่ได้คนไข้จะเสียชีวิต

แม่นุชจรีไม่คิดจะฟ้องร้องเอาผิดหมอ เมื่อหญิงเพื่อนสนิทลูกสาวเล่าให้ฟังว่าหมอปันช่วยเหลือเต็มที่อย่างไร ตอนนุชจรีอยู่ไอซียูก็มาดูแลทุกวัน ทั้งให้เงินชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงินจำนวน 7 หลัก

Malignant Hyperthermia คืออะไร

ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า Malignant Hyperthermia ภาวะแทรกซ้อนของการดมยาสลบที่ร้ายแรง ไม่รู้ว่าใครจะเป็นบ้าง จะมีวิธีป้องกันอย่างไร

สำหรับการผ่าตัดเสริมสวย ก่อนทำต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะ อันตรายจากศัลยกรรม ไม่ได้มีเพียงภาวะแทรกซ้อนของการดมยาสลบที่ร้ายแรง เท่านั้น และเมื่อตัดสินใจทำแล้ว อย่าดูราคาเป็นหลัก ให้เลือกจาก

  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • สถานที่ผ่าตัด
  • ความปลอดภัย
  • การตรวจติดตามที่มีมาตรฐาน

การผ่าตัดใหญ่ที่มีอันตรายเสี่ยงต่อการเสียเลือดผ่าตัดนาน ผ่าตัดยาก ต้องวางยาสลบ ควรทำในโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อม มีวิสัญญีแพทย์มีวิธีแก้ไขหากเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายขึ้น

สำหรับภาวะ Malignant Hyperthermia แม้ไม่รู้ว่าใครเสี่ยง เมื่อเกิดขึ้นมีอัตราเสียชีวิตสูง แต่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้หากตรวจพบเร็ว รักษาได้ทันท่วงที มียาแดนโทรลีน (Dantrolene) ที่รักษาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลายพร้อมใช้เมื่อเกิดภาวะนี้

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไปทำสวยอะไรมา เช็กก่อนบริจาคเลือด

แพ้เครื่องสำอาง อาการยอดฮิตของสาวๆ แต่เรามีวิธีแก้จ้า

สมุนไพรดูแลผิวหน้าร้อน ร้อนนี้ผิวไม่ไหม้ ไม่แสบ

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

Posted in BEAUTY
BACK
TO TOP
Riya
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.