ฉีดสลายไขมัน

เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจ ฉีดสลายไขมัน

เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจ ฉีดสลายไขมัน

อยากลดสัดส่วนแบบว่องไว เลยหันไปหาคลีนิคเสริมความงาม เพราะปัจจุบันนี้มีการ ฉีดสลายไขมัน ด้วยราคาที่ไม่แพง แถมยังง่ายต่อการกระชับหุ่น แต่เจ้าวิธีการฉีดสลายไขมันนี้จะดีจริงไหม และช่วยกำจัดไขมันได้รึเปล่า รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีคำตอบ

ใครทีมีรูปร่างอ้วน อาจกังวลใจว่า จะใช้วิธีใดที่ให้ผลลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็ว หรือมีสัดส่วนที่ผอมเพรียวทันใจ ซึ่งวิธีการหนึ่งที่สาวๆ ให้ความสนใจกันมากคือ การฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) หรือยาสลายไขมัน โดยตําแหน่งที่นิยมฉีดมากคือ การฉีดลดไขมันที่แก้ม เพื่อทําให้หน้าเล็กลง และการฉีดบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เพื่อให้ดูรูปร่างผอมลง

ยาที่มีการใช้ฉีดเพื่อสลายไขมันที่นิยมในบ้านเรา แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่

ยากลุ่มแรก คือ สารสเตียรอยด์

ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้สําหรับรักษาโรคที่มีการอักเสบภายในร่างกาย แต่ยาชนิดนี้ จะมีฤทธิ์ข้างเคียงทําให้ไขมันฝ่อและสลายตัวไปได้ จึงมีการนําสารสเตียรอยด์นี้มาฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อสลายไขมันเฉพาะส่วน ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ยาที่ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการฉีดสารสเตียรอยด์เพื่อสลายไขมัน ต้องฉีดยาเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก ซึ่งคนไข้อาจเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดได้ เช่น เกิดผิวหนังบุ๋ม เกิดการติดเชื้อ หรือมีการบวมน้ำตามร่างกายได้

ยากลุ่มที่สอง เป็นยาที่ใช้กันในต่างประเทศ ยังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย

เช่น Phosphatidylcholine, Deoxycholate, L-carnitine, Dexpanthenol (B), Amino acids, Minerals ฯลฯ ยากลุ่มนี้ บางตัวได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาเพื่อการทาเท่านั้น ไม่ได้เอามารับรองเพื่อการฉีด ดังนั้นการฉีดยาประเภทนี้เข้าสู่ร่างกาย จึงเป็นการฉีดที่ไม่ปลอดภัย และยิ่งวิธีการฉีดถ้าไม่สะอาดพอ ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และอาจเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา หรือผิวหนังเป็นคลื่นจากการสลายไขมันเป็นหย่อมๆ เนื่องจากเวลาฉีด ไม่ได้ฉีดเพียงจุดเดียว อาจฉีดเป็นสิบ หรือร้อยจุด ที่สําคัญ ยาเหล่านี้ บางตัวยังไม่มีงานวิจัยรับรองว่าได้ผลในการสลายไขมันด้วยซ้ำไป

ปัจจุบัน ยังไม่มียาฉีดสลายไขมันตัวใด ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทย สําหรับสาวๆ ที่รักสวยรักงาม ไม่ว่ากระแสความงามเรื่องใดจะมาแรงก็ตาม ให้ศึกษาถึงผลดีผลเสียก่อนว่า ถ้าพลาดไปจะเป็นอย่างไร เพิ่มความรอบคอบสักนิดก่อนใช้ มิฉะนั้นแล้วจะมานั่งทุกข์ใจ แถมได้รอยตําหนิมาเป็นของแถม แต่ในรายที่ถูกฉีดไปแล้ว หากเกิดผลข้างเคียงขึ้น ขอให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษานะคะ

ถ้าอยากได้วิธีการสลายไขมันทีปลอดภัยและมีหุ่นสวยเพรียวตลอด แนะนําให้ออกกําลังกายและควบคุมอาหาร จะเป็นการดีทีสุดต่อสุขภาพของคุณค่ะ

ขอบคุณคุณข้อมูล : รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ชีวจิต TIPS ลดไขมัน แบบฉบับแพทย์แผนไทย

3 ขั้นตอน ลดไขมัน

Step 1 ชำระคราบไขมันในลำไส้

การกำจัดไขมันในเส้นเลือดหรือในลำไส้ทำได้หลายวิธี ทั้งการกินอาหารเป็นยา การใช้สมุนไพรตำรับเผาผลาญไขมันในร่างกายล้างคราบไขมันในลำไส้ ซึ่งมีหลายตำรับ เช่น ยาพรหมภักตร์ ยามหาพรหมภักตร์ ยามหิทธิมหาพรหมภักตร์ รวมถึงการสวนล้างลำไส้หรือดีท็อกซ์ ตามการวินิจฉัยของแพทย์แผนไทย

Step 2 บำรุงร่างกาย

หลังจากวางยาตำรับชำระคราบไขมันในลำไส้เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือ การวางยาบำรุงร่างกาย เพื่อฟื้นฟูระบบการทำงานใน ร่างกายให้สมดุลเป็นปกติ

Step 3 ปรับพฤติกรรม

เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเป็นซ้ำอีก ผู้ป่วยควรงดสูบบุหรี่ ลดอาหารไขมันและของหวาน รวมถึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ

ครูแพทย์แผนไทยพิพัฒน์เล่าว่า “ผมอยู่ในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่หันมาศึกษาศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพราะถึงทางตันกับการรักษาโรคเบาหวาน ความดันและไขมันที่การรักษาแบบแผนปัจจุบันรักษาไม่หายขาด ทุกวันนี้มีผู้ป่วยเบาหวานมารักษาด้วยการแพทย์แผนไทยมากขึ้น โดยรักษาด้วยการวางยาถ่ายเพื่อขับไขมันออกก่อนเป็นลำดับแรก ตามด้วยการวางยาบำรุงอย่างเหมาะสมให้คนไข้ พร้อมกับแนะนำให้ปรับพฤติกรรมว่าควรกินอย่างไร แต่ไม่ค่อยห้ามคนไข้เรื่องการกิน เช่น ทุเรียน การแพทย์แผนไทยบอกว่ามีรสหวานร้อน คนไข้ที่มารักษาสามารถกินทุเรียนได้ แต่แนะนำให้กินสมุนไพรที่มีรสขมตามเข้าไป น้ำตาลก็จะไม่ขึ้น หมั่นออกกำลังกาย จึงทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

“นอกจากนี้จากประสบการณ์ ถ้าเป็นเคสผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง ที่ยังไม่เคยเข้าสู่กระบวนการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน จะใช้เวลารักษาประมาณ 3 – 6 เดือน ตามวงจรของเม็ดเลือดในร่างกายที่มีอายุประมาณ 120 วัน หรือ 4 เดือน อาการก็จะหายหรือดีขึ้น สำหรับคนที่เคยได้รับยาแผนปัจจุบันมาก่อน อาจต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานขึ้น เนื่องจากร่างกายคุ้นเคยกับยาแผนปัจจุบัน ข้อดีของการรักษาอาการไขมันในเลือดสูง หรืออาการเสมหะคั่ง ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยคือ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่อยากทานยาลดไขมันไปตลอดชีวิต และเมื่อรักษาหายแล้ว สามารถหยุดทานยาได้”

ยาที่ใช้รักษาอาการไขมันสูงมีบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ธาตุบรรจบ และคัมภีร์วรโยคสาร ว่าด้วยเรื่องอุจจาระธาตุ เป็นตำรับช่วยชำระล้างคราบไขมันที่สะสมอยู่ภายในลำไส้ ช่วยให้ขับออกมากับอุจจาระ ปัสสาวะ หรือเหงื่อ และช่วยการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

ไขมัน (วสาและเมโท) เป็นธาตุน้ำ ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยเครื่องยาประจำธาตุน้ำคือรสเปรี้ยว รสขม และรสเมาเบื่อ ดังนั้นโครงสร้างของยาตำรับนี้จึงประกอบด้วยสมุนไพรทั้ง 3 รส คือ

  • สมุนไพรรสเปรี้ยว มีสรรพคุณช่วยชำระล้างไขมัน เช่น ตรีผลา
  • สมุนไพรรสขม มีสรรพคุณช่วยรักษาเกี่ยวกับอุระเสมหะ (น้ำดี น้ำย่อย) ช่วยให้ตับผลิตน้ำดีออกมาช่วยย่อยไขมัน ช่วยฟอกเลือดให้สะอาด เช่น บอระเพ็ด สะเดา เพกา มะระ
  • สมุนไพรรสเมาเบื่อ มีสรรพคุณช่วยแก้พิษรักษาเกี่ยวกับคูถเสมหะ ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เช่น กลอย บุก ชุมเห็ดเทศ ขี้เหล็ก

เมื่อนำสมุนไพรทั้ง 3 รสมาใช้ร่วมกับสมุนไพรรสเผ็ดร้อน จะทำให้ลมเคลื่อนไหวช่วยในการขับของเสียออกมาภายนอกร่างกาย และขั้นตอนสุดท้ายจึงวางยาบำรุงร่างกาย

ส่วนใครที่อยากรู้ว่าตำรับยาเป็นเช่นไร และใช้ผักใกล้ตัวอะไรได้บ้าง ไปอ่านต่อได้ที่ แจกสูตรผักพื้นบ้าน ช่วยคุมไขมัน

ที่มา นิตยสาร ชีวจิต

บทความอื่นที่น่าสนใจ

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสาชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.