อาการเบาหวาน เช็กร่างกายก่อน รู้ก่อน รักษาก่อน
จริงอยู่ว่าโดยปกติ แทบทุกคนต่างไปตรวจเช็กสุขภาพประจำปีกันทั้งนั้น จะรู้ว่าป่วยหรือไม่ป่วยเป็นโรคอะไรก็ด้วยการตรวจนี้ล่ะ แต่บางครั้งโรคภัยไม่ได้มาเราตามเวลานัดหมอ อาจแสดงสัญญานบางอย่างกับเราก่อน และหากเราสังเกตได้แล้วรีบไปตรวจเช็ก ก็จะยิ่งได้เปรียบในการเตรียมตัวรับมือ วันนี้ ชีวจิต จะแนะนำวิธีการสังเกต อาการเบาหวาน หนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังยอดฮิตที่คนเป็นกันมาก
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคเบาหวาน
นอกจากการตรวจสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว การตรวจเช็กสภาพร่างกายด้วยตัวเองง่ายๆ ที่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เรารู้ทันสุขภาพร่างกายของตัวเอง
ในกรณีที่เรามีเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ก็สามารถตรวจ อ่านค่า แล้วเทียบกับผลด้านล่าง หากมีผลดังกล่าว เป็นไปได้ว่า คุณเป็นโรคเบาหวาน (รวมไปถึงผู้ที่ได้รับผลการตรวจสุขภาพต่างๆ อาจมีผลการตรวจในลักษณะเหล่านี้แสดงให้เห็น)
- มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- มีอาการของโรคเบาหวานร่วมกับมีระดับน้ำตาลในเลือด เวลาใดก็ตาม มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- มีระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ใน 2 ชั่วโมง ภายหลังการทดสอบความทนต่อน้ำตาลกลูโคส 75 กรัมที่กินเข้าไป
- มีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1c) มากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 6.5 ขึ้นไป
เบาหวาน Type 2 ประเภทที่พบมากที่สุดในบุคคลทั่วไป
เบาหวานประเภทที่ 2 พบได้มากถึง 95 ของผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีอาการดังนี้
- ปัสสาวะมากและบ่อย กระหายน้ำบ่อย และมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
- สายตาพร่ามัว
- เป็นแผลเรื้อรัง หายช้า
- มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง ปาก และกระเพาะปัสสาวะบ่อยครั้ง
- ปวดและชาตามมือและเท้า
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคเบาหวาน Type 2
- อายุ 40 ปีขึ้นไป
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
- น้ำหนักเกิน ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25
- มีภาวะความดันโลหิตสูง มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือมีระดับไขมันในเลือดสูง
- สตรีที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ หรือน้ำหนักบุตรแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม
- ไม่ออกกำลังกาย
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และ/หรือสูบบุหรี่
แล้วเราจะป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างไร
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน
- ควบคุมโภชนาการให้มีความสมดุลทั้งการกินอาหารและการออกกำลังกาย รวมไปถึงการใช้ยารักษาโรค
- ควรตรวจเช็กระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ โดยปรึกษาแพทย์ว่าควรตรวจเช็กเมื่อใด และระยะห่างของเวลาในการตรวจที่เหมาะสม
- ยาบางชนิดหรือยาสมุนไพรอาจมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในเลือด ต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยาหรือสมุนไพรเท่านั้น
อาหารที่คนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง
คนเป็นเบาหวานควรลดอาหารให้พลังงานลง แคลอรีคือหน่วยนับพลังงานที่ร่างกายใช้ ร่างกายสร้างแคลอรีจากอาหารพลังงาน ดังนั้นจึงควรควบคุมปริมาณอาหารเหล่านี้ ได้แก่
คาร์โบไฮเดรต
เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล อาหารกลุ่มนี้จะถูกร่างกายเอามา เผาผลาญเป็นพลังงานก่อนเพื่อน โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะเผาผลาญได้พลังงาน 4 แคลอรี
ไขมัน
ให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรตหนึ่งเท่าตัว คือไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี ดังนั้นการลดแคลอรีจึงต้องมุ่งลดอาหารไขมัน
โปรตีน
โดยโปรตีน 1 กรัมให้พลังงานได้ 4 แคลอรี แต่ร่างกายจะหันมาใช้โปรตีนเป็นพลังงานก็ต่อเมื่อไม่มีไขมัน และคาโบไฮเดรตให้ใช้แล้ว ดังนั้นการลดอาหารให้พลังงานจึงควรมุ่งไปที่ไขมันและคาร์โบไฮเดรต ไม่จำเป็นต้องลดโปรตีน
เพราะฉะนั้นเราจึงควรทราบปริมาณแคลอรีในอาหารที่ตนเองชอบรับประทาน โดยวิธีอ่านฉลากหรือศึกษาจากผลวิจัย
เช่น สถาบันวิจัยมหิดลรายงานไว้ว่าเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วให้พลังงาน 635 แคลอรี ข้าวราดกะเพราไก่ให้ 495 แคลอรี ชีส
เบอร์เกอร์ให้ 280 แคลอรี ปาท่องโก๋ 140 แคลอรี
อาหารที่คนเป็นเบาหวานควรทานและไม่ควรทาน
- เลือกรับประทานผักสด สลัด หรือซุปใสก่อนการรับประทานอาหารอื่น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณอาหารที่มีไขมันหรือแคลอรีสูงได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพราะมักมีแคลอรีอยู่เสมอ ควรดื่มน้ำเปล่า หรือชาจีนแทนจะดีกว่า
- งดน้ำหวานหรือน้ำอัดลม
- หลีกเลี่ยงอาหารมันหรือหวาน
- เสี่ยงอาหารไขมันที่มองเห็นด้วยตา (visible fat) ทุกชนิด
- เปลี่ยนวิธีปรุงอาหารจากทอด ผัด แกงกะทิ มาเป็นปิ้ง ต้ม นึ่ง ย่างแทน
- และผลไม้ให้มาก ด้านหนึ่งเพื่อให้อิ่มท้องเสียก่อนจะได้ไม่รับประทานไขมันมาก โดย
- รับประทานผักและผลไม้เต็มที่ แต่ไปลดไขมันและคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งอื่น เช่น ข้าว แป้ง และน้ำตาลในอาหารจานหลัก
- รับประทานอาหารที่ปรุงจากธัญพืชทั้งเมล็ด หรือธัญพืชไม่ขัดสึ เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง โอ๊ตแบรนด์ ขนมปังโฮลวีต เพราะมีกากชนิดละลายได้เป็นส่วนประกอบ
- ลดไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ โดยครวได้รับไม่เกิน 10% ของแคลอรีที่ร่างกายได้รับต่อวัน
เทคนิคจำกัดอาหารเพื่อคนเป็นเบาหวาน
- เลือกนั่งกับผู้ที่รู้จักและสนทนากับผู้ที่นั่งข้างเคียงขณะรับประทาน เพื่อจะได้รับประทานช้าลง
- ก่อนรับประทานอาหารควรดื่มน้ำเปล่า เพื่อให้อิ่มเร็วขึ้น
- ไม่รับประทานอาหารจนอิ่มมากเกินไป เมื่อเหลืออีก 4 – 5 คำจะอิ่มควรหยุดได้
- ไม่ปล่อยให้ตนเองหิวจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนไปงานเลี้ยง ควรรับประทานอาหารว่างก่อนไปงานเผื่อมีการเสิร์ฟอาหารช้า
- ไม่รับประทานเพราะความเกรงใจผู้อื่น แต่รับประทานเพื่อสุขภาพของตนเอง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
น่ารู้ เลือดเป็นกรด หรือภาวะ DKA ในผู้ป่วยเบาหวานอันตรายอย่างไร