ปวดหัว แบบนี้มักจะเป็น…
ปวดหัว พอพูดถึงโรคปวดหัว ผมเองก็ชักจะปวดหัวขึ้นมา เพราะ “ปวดหัว” มีหลายโรคและหลายสาเหตุ เขียนถึงเรื่องปวดหัวนี่เราจะเขียนเป็นหนังสือเล่มโตๆ ได้เลย ฉะนั้น ขอจำกัดความเอาว่าเป็นโรคปวดหัวแบบมันมาหาเราอย่างเงียบๆ ก่อนนะครับ และปวดหัวแบบนี้มักจะ เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคเงียบชนิดที่หนึ่งอย่างที่บอกไปแล้ว
ปวดหัวเฉียบพลัน
ปวดแบบเฉียบพลันนี้ ไม่เกี่ยวกับการปวดแบบเงียบๆ แต่ผมอยากจะให้รู้จักการปวดแบบนี้ เป็นการปวดซึ่งค่อนข้างจะอันตรายมากๆ และคงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความดันโลหิตสูงอย่างมากด้วยก็ได้
ขอให้สังเกตดูอาการประกอบดังต่อไปนี้ด้วย คือ การปวดหัวจะเกิดอย่างเฉียบพลัน ไม่เคยปวดมาก่อน ให้สังเกตไว้ด้วยว่าการปวดหัวจะเป็นมากขึ้นเมื่อก้มหน้าไปข้างหน้า ตาก็ทนแสงสว่างมากๆ ไม่ได้ นอกจากนั้นจะมีอาการสะลึมสะลือ พูดจาไม่รู้เรื่อง (เสียงอ้อแอ้) และจะมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน ผสมด้วย
ถ้าเป็นอย่างนี้ขอให้ส่งโรงพยาบาลด่วน เพราะน่าจะเป็นอาการของเส้นเลือดแตกหรือเลือดออกในสมอง
แต่ถ้าอาการปวดหัวเริ่มขึ้นก่อน แล้วปวดตาเต้นตุบๆ ปวดจนรู้สึกเหมือนตาจะปะทุออกมา แถมด้วยตาพร่า มองอะไรไม่เห็น และมีคลื่นไส้อาเจียนด้วย คงจะเป็นอาการปวดของต้อหินแบบเฉียบพลัน รีบปรึกษาหมอตาประจำตัวด่วนจี๋เลยครับ
ปวดหัวอีกแบบหนึ่งนั้น อยู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมา แต่เป็นอยู่ชั่วคราว 4 – 5 วันก็หาย การปวดไม่รุนแรงนัก
ให้สังเกตคือ สำรวจตัวเองให้ดีว่าขณะนั้นคุณกินยาอะไรเป็นประจำหรือเปล่า เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด หรือแม้แต่บางคนที่เป็นมะเร็ง ไม่เคยปวดหัว แต่พอกินยาหรือฉีดยาประเภทคีโมเข้าไปก็ปวดหัวคลื่นไส้เป็นประจำ
ให้สังเกตว่า เป็นเพราะยาที่คุณกินหรือเปล่า ถ้าใช่ และเป็นยาประเภทกินไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ อาการที่คุณเป็นหายไปการปวดหัวก็จะหายไปด้วย
ถ้าปวดหัวและมีไข้ด้วย การที่มีไข้แสดงว่าคุณป่วยด้วยโรคติดเชื้อ จะมีการอักเสบที่ระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย ถ้าการอักเสบหายไป ไข้หายไป ปวดหัวก็จะหายไปด้วย
ที่พูดมาหลายๆ ปวดหัวนี้ เป็นการปวดชนิดที่ไม่เกี่ยวกับโรคเงียบ แต่คุณๆ ที่ชอบปวดหัวควรจะรู้จักหัดสังเกตไว้ จะได้แยกได้ถูกว่าปวดหัวเพราะอะไร และควรจะแก้ไขหรือจะไปหาหมออย่างรีบด่วนหรือไม่
เอาละครับ ทีนี้มาถึงการปวดหัวแบบโรคเงียบบ้าง