3. คนรักการสังสรรค์ไม่ขาดแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 – 2 แก้วนั้นแม้ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยที่ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) ประเทศสหรัฐอเมริการะบุไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ดร.คริสตินาก็ยังแนะนำว่า ควรมีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วันที่จัดให้เป็นวันปลอดแอลกอฮอล์โดยสมบูรณ์
ด้วยตับเป็นอวัยวะที่ไวต่อแอลกอฮอล์มาก ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกันสัปดาห์ละ 5 – 6 วัน จะทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติเพื่อขับแอลกอฮอล์ออกไปจากร่างกายให้เข้าสู่ระดับปลอดภัย การโหมทำงานของตับเช่นนั้นทำให้เกิดการสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุ หากเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานาน ในระยะยาวเซลล์ตับจะถูกทำลายมากขึ้น ในที่สุดตับจะฝ่อและเกิดภาวะตับแข็ง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 10 ปี
นอกจากโรคตับแข็ง การดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นปัจจัยก่อโรคอื่นๆ อีก เช่น โรคหัวใจ ภาวะอักเสบภายในอวัยวะต่าง ๆ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ไฮโปไกลซีเมีย เบาหวาน ระบบประสาทเสื่อม อ้วน กดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และภาวะแท้งบุตร
หากทดลองงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 – 3 วันแล้วรู้สึกว่าไม่สามารถทนได้ เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจเสพติดสุรา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีนี้หากต้องการล้างพิษควรปรึกษาแพทย์ก่อน
โปรแกรมเตรียมตัว ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ
- ค่อยๆ ลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงช้าๆ ภายใน 2 – 4 สัปดาห์โดยเปลี่ยนเป็นดื่มน้ำเปล่าหรือชาสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลาย เช่น คาโมมายล์ ดอกคำฝอย มินต์ ตะไคร้แทน
- ในระยะ 2 – 4 สัปดาห์นั้น ให้ออกกำลังกายเป็นประจำรวมถึงการเข้าซาวน่าหรืออบสมุนไพรช่วย เนื่องจากทั้งสองกิจกรรมช่วยขับแอลกอฮอล์ตกค้างผ่านทางเหงื่อได้ แต่ก่อนเริ่มกิจกรรมดังกล่าวควรประเมินสุขภาพในขณะนั้นด้วยโดยเริ่มจากเบาไปหาหนัก เช่น ออกกำลังกายจากการเดิน เดินเร็ว และวิ่ง ตามลำดับ ส่วนการเข้าซาวน่าหรืออบสมุนไพรนั้นให้เริ่มจาก 10 นาที 15 นาที 20 นาที สลับกับออกมาพักด้านนอกที่มีอุณหภูมิปกติอย่างน้อย 5 – 10 นาที ห้ามเข้าห้องซาวน่าหรืออบสมุนไพรติดต่อกันเกิน 20 นาที เพราะอาจจะทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้ ขณะที่เข้าห้องซาวน่าควรนำน้ำอุณหภูมิห้องเข้าไปดื่มเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายด้วย
ข้อควรระวัง
- อาการไม่พึงประสงค์ ที่อาจเกิดขึ้นหลังล้างพิษ ได้แก่คลื่นไส้ วิงเวียน เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ วงจรการนอนผิดปกติไปจากเดิม แต่จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ โดยทั่วไปไม่เกิน 1 – 2 สัปดาห์
4. คนรักความเท่ต้องมีบุหรี่ติดตัว
ดร.คริสตินาระบุว่า การทำงานของสมองหลังการสูบบุหรี่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับการกินน้ำตาล แต่มีความไวกว่ามาก เนื่องจากนิโคตินมีฤทธิ์เสพติดรุนแรงเท่ากับเฮโรอีน เมื่อสูบบุหรี่ สารนิโคตินจะเข้าสู่
ร่างกายและเดินทางไปถึงสมองได้ภายในเวลา 7 วินาที นิโคตินส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาท ทำให้ผู้สูบบุหรี่รู้สึกสบายใจ แต่ก็ช่วยลดความเครียดได้เพียงชั่วขณะ ทว่าผลร้ายที่เกิดขึ้นตามมานั้นไม่คุ้มค่าเลย
ในระยะสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที การสูบบุหรี่ทำให้ประสาทสัมผัสของการรับกลิ่นและรสทำหน้าที่ลดลง เกิดอาการแสบตา น้ำตาไหล ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในปอดและในกระแสเลือดเพิ่มสูง หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตสูงขึ้น มีกรดในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และมีกลิ่นปาก
หากสูบต่อเนื่องมากกว่า 1 ปี จะเพิ่มความเสี่ยงโรคที่มีความซับซ้อน เช่น มะเร็งในอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปอด กล่องเสียง ลำคอ หลอดอาหารและกระเพาะปัสสาวะ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจขาดเลือดมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและทรวงอกโรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
โปรแกรมเตรียมตัว ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ
- ค่อยๆ ลดปริมาณบุหรี่ที่เคยสูบลงช้าๆ เช่น จากเดิมสูบวันละ 1 ซอง ให้ค่อยๆ ลดลงจนเหลือวันละ 1 - 2 มวน ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่า 4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดบุหรี่ส่วนใหญ่มักรู้สึกอยากบุหรี่
รุนแรงใน 3 – 5 วันแรก แต่หลังจากนั้นจะรู้สึกดีขึ้นทีละน้อย
- หลังงดบุหรี่ หลายรายมีปัญหาเรื่องวงจรการนอนหลับ ดังนั้นขณะทำโปรแกรมเตรียมตัวจึงควรออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ไท้เก๊ก โยคะ เพื่อช่วยปรับวงจรการนอนหลับให้เข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด
ข้อควรระวัง
- อาการไม่พึงประสงค์ ที่เกิดขึ้นหลังล้างพิษ คือ หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย เครียด เศร้า หดหู่ ปวดมึนศีรษะ นอนไม่หลับ หิวบ่อย กินอาหารจุขึ้นหรือเบื่ออาหาร ท้องผูก ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงสัปดาห์แรกหลังล้างพิษ แต่จะค่อยๆ ลดลง ต่อมาจะมีอาการดีขึ้นหลังจากผ่านโปรแกรมไปแล้ว 1 สัปดาห์
