ซึมเศร้า ประสบการณ์สุขภาพ แก้โรคซึมเศร้า ประสบการณ์

4 ประสบการณ์สุขภาพ รู้ทันจิต & ฟิตร่างกาย หาย ซึมเศร้า 100%

ประสบการณ์สุขภาพ รู้ทันจิต & ฟิตร่างกาย หาย ซึมเศร้า 100%

จากสถิติอันน่ากลัวของโรค ซึมเศร้า ที่ประมาณกันว่า ในคนไทยทุกๆ 100 คนจะมีคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถึง 3 คน และกลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามากที่สุดอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25 – 44 ปี ยิ่งในปัจจุบันที่สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป จึงมีแนวโน้มว่าคนที่อายุน้อยลงก็จะยิ่งเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นด้วย

ชีวจิต จึงมี ประสบการณ์ของผู้ที่เคยประสบพบเจอกับโรคซึมเศร้า พร้อมทางออกในหลากหลายมิติมานำเสนอ ค่ะ

 

ประสบการณ์ที่ 1 : แม่ตาย เกือบตายตามแม่ แก้ได้ด้วยธรรมะและกัลยาณมิตร

ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่ คุณน้ำ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย สำหรับหลายๆ คนคงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เพราะความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สำหรับคุณน้ำกลับเป็นช่วงเวลาที่แสนระทมทุกข์และได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปอีกหลายปีต่อมา

“ครอบครัวเรามีกันสองคนแม่ลูก ฐานะค่อนข้างยากจน แต่แม่ทำขนมไทยเก่ง ก็เลยมีอาชีพทำขนมขาย ส่งเราเรียนมาจนใกล้จะจบอยู่แล้ว แม่ก็ล้มป่วยเป็นมะเร็ง ช่วงนั้นแม่ก็ห่วงเรามาก แต่พยายามเข้มแข็งไม่แสดงออก ช่วงนั้นเครียดเรื่องแม่มาก กลัวแม่จะจากเราไป การเรียนปีสุดท้ายก็หนัก ทั้งยังต้องเดินทาง

ไป – กลับกรุงเทพฯกับฉะเชิงเทรา เพื่อคอยพาแม่ไปรักษาตัว ความเครียดทับถมอยู่เป็นปี แม่ก็อาการทรุดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดแม่ก็จากไปอย่างสงบก่อนเรารับปริญญาไม่นาน”

หลังจากแม่จากไปแล้ว คุณน้ำยังทำใจไม่ได้ ในหัวได้แต่คิดวนเวียนอยู่กับเรื่องของแม่ เธอโทษตัวเองว่าเธอไม่สามารถดูแลแม่ได้ดีพอ ทำให้ความเครียดที่ลากยาวมาจนจบการศึกษาเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

“เราไม่เคยปล่อยวางความคิดเรื่องแม่เลย ในใจเจ็บปวดตลอดเวลา จนมีอาการปวดหัวบ้าง ปวดกล้ามเนื้อบ้าง คิดช้า พูดช้า ทำทุกอย่างช้าลงรู้สึกเศร้า ท้อแท้ ซึม ร้องไห้คิดถึงแม่ และนอนทั้งวัน ทำการทำงานไม่ได้ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับทำงาน ไม่ใส่ใจดูแลสุขอนามัยของร่างกาย รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่า”

ซึมเศร้า ประสบการณ์สุขภาพ แก้โรคซึมเศร้า ประสบการณ์

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้ในที่สุดคุณน้ำตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการกินยาสารพัดชนิดเข้าไปหลายสิบเม็ด

“ตอนนั้นในใจคิดแต่ว่า มันทรมานเหลือเกินอยากไปอยู่กับแม่ คิดถึงแม่ จึงกวาดยาทุกชนิดที่มีอยู่ในบ้านกินจนหมด โชคดีที่ญาติมาเห็น เพราะเขาก็คอยเฝ้าระวังเราอยู่ เลยพาไปส่งโรงพยาบาล ล้างท้องจึงรอดชีวิตมาได้”

ต่อมาคุณน้ำมีโอกาสรู้จักกับกัลยาณมิตรซึ่งได้ชักชวนเธอให้เข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม แต่ระหว่างนั้นอาการของเธอก็ยังกำเริบอยู่เป็นระยะๆ

“ช่วงนั้นรู้สึกว่ามีกำลังใจมากขึ้น ได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อและพระในวัดที่ท่านเมตตาเรา ก็รู้สึกเข้าใจเรื่องการพลัดพรากมากขึ้น คือทำใจเรื่องแม่ได้มากขึ้น แต่ยังมีอาการทางร่างกาย คือ ซึม นอนทั้งวัน ใจสั่น มือสั่นจนทำของตกแตกเหมือนเดิมพี่ๆ ที่วัดจึงตัดสินใจพาเราไปรักษาให้อาการหายขาด”

คุณน้ำเข้าแอดมิตในฐานะผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและรักษาตัวอยู่ราว 2 – 3 เดือน หลังจากได้รับยาและทำกิจกรรมบำบัด รวมถึงกัลยาณมิตรทุกคนต่างก็แวะเวียนกันไปเยี่ยมเธอไม่ขาด ทำให้ปัจจุบันคุณน้ำหายเป็นปกติ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา และมีอนาคตที่สดใสรออยู่

 

 

 

 

 

<< อ่านประสบการณ์ที่ 2 หน้าที่ 2 >>