3 เหตุผลที่ คนฉลาด ไม่เท่ากัน
หลายคนคงนึกสงสัย ว่าทำไม บางคนถึงฉลาดกว่าบางคน แล้วทำไม คนฉลาด ถึงเป็นคนนั้น ไม่ใช่คนนี้ เอาล่ะ ตอนนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว เพราะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (และทางการแพทย์) ในเรื่องนี้ มาดูกันเลย
ผู้เชี่ยวชาญมาเอง
ดีน เบอร์เน็ต นักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง กล่าวว่า เราสามารถดูการทำงานของสมองซึ่งเชื่อมโยงกับความฉลาดด้วยผล FMRI หรือ Functional Magnetic Resonance Imaging ซึ่งเป็นการวัดแบบเดียวกับการตรวจคลื่นสมอง หรือ MRI ดังนี้
1. การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนนั้นๆ
โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานหนัก ฉะนั้นผล FMRI ที่ออกมาจะเห็นว่าสมองส่วนไหนตื่นตัวตลอดเวลา เช่น ถ้าต้องใช้ความจำบ่อยๆ สมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำก็จะตื่นตัวมากกว่าส่วนอื่น
2. การทำงานเชื่อมโยงของสมอง
เพราะโดยธรรมชาติสมองไม่ได้ทำงานส่วนใดส่วนเดียว แต่ต้องเชื่อมโยงกันหลายๆ ส่วน โดยส่วนที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงการทำงานของสมองคือส่วนที่เรียกว่า Prefrontal Cortex และ Parietal Lobe ฉะนั้นหากการทำ FMRI เห็นว่าสมองส่วนนี้ตื่นตัวมาก (เพราะต้องทำการสื่อสาร ประมวลข้อมูล คำนวณ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจ) หมายความว่า การเชื่อมโยงของสมองส่วนต่างๆ เป็นไปด้วยดี
3. ความหนาของสมองส่วนที่เรียกว่า Corpus Callosum
ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานระหว่างสมองด้านขวากับสมองด้านซ้าย หากหนามากก็จะทำให้สมองทั้งสองด้านสามารถสื่อสารกันได้ดีขึ้น นั่นหมายความว่า หากส่วนของความจำใน Parietal Lobe มีมาก และส่วน Prefrontal Cortex ก็นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถแก้ปัญหายากๆ ในชีวิตได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม หากการทำงานของสมองยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนในแบบที่คนฉลาดควรเป็น นอกจากอาหารการกินแล้ว เรายังฝึกจิต เพิ่มพลังสมอง เพื่อสู้งานหนักและป้องกันอัลไซเมอร์ก่อนวัยได้
เป็นอย่างไรบ้าง รู้อย่างนี้แล้วก็หายสงสัยเสียที เราอาจต้องพึ่งปัจจัยทั้งสามอย่างนี้เพื่อเป็นคนฉลาด แต่หากซับซ้อนไปก็บำรุงสมองด้วยสิ่งที่เราสามารถทำได้จากภายนอกกันค่ะ มาดูกันเลย
บทความน่าสนใจเกี่ยวกับการบำรุงสมอง
โกโก้ ซูเปอร์ฟู้ด อาหารวิเศษ ตัวช่วย บำรุงสมอง เพิ่มความจำ และต้านอนุมูลอิสระ
สูตรกินวิตามินบำรุงสมอง สำหรับทุกช่วงวัย
อาหารบำรุงสมอง ใกล้ตัว
เทคนิคกิน อาหารบำรุงสมอง ฉลาดทันใจใน 7 วัน