หน่อไม้ฝรั่ง ป้องกันเบาหวาน+มะเร็ง
“หน่อไม้ฝรั่ง” หรือ “แอสพารากัส” (Asparagus) เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและแอฟริกา มีทั้งชนิดที่เป็นหน่อสีเขียว และหน่อสีขาว เป็นผักที่กินอร่อย กรุบกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถนำไปทำปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย ซึ่งนอกจากจะกินอร่อยแล้ว หน่อไม้ฝรั่งยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
สารอาหารที่พบในหน่อไม้ฝรั่งมีทั้ง โปรตีน แร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เซเลเนียม โฟลาซิน และกากใยมาก อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลาย มีวิตามินซี วิตามินบี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 และวิตามินบี 6 วิตามินเค วิตามินบีวิตามินเอ โฟเลต มีสารกลูตาไธโอน มีปริมาณเกลือต่ำมาก และไม่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอล
หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) แต่ละก้านของหน่อไม้เปรียบเสมือนโรงงานพลังงานที่มีสารอาหารบรรจุแน่น,รสชาติหวาน,ที่สำคัญบรรจุไว้ด้วย glutathione มากกว่าพืชผักชนิดอื่น
สำหรับ”กลูตาไธโอน”เป็นสารที่เซลล์ในร่างกายเราสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เมื่อรวมตัวกับ สารกลูตาไธโอน จะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ในที่สุด สารพิษจำพวกโลหะหนักหรือสารกำจัดแมลง สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้โดยการทำงานของกลูตาไธโอนร่วมกับตับ นอกจากนี้หน่อไม้ฝรั่งยังมีไวตามิน C และ E และการวิจัยแสดงให้เห็นว่าหน่อไม้ฝรั่งยังจะช่วยลดการพัฒนา ต้อกระจกในดวงตาอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าเจ้าหน่อไม้ฝรั่งนี้มีสารอาหารเพียบ เห็นก้านเขียวๆ เรียวๆ แบบนี้ Kathleen Zelman นักโภชนาการจากวิทยาลัยเซนต์แมรีส์โดมินิกัน (St. Mary’s Dominican College) ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกว่า
หน่อไม้ฝรั่งประมาณ 1 ขีดครึ่ง (150 กรัม) ให้กรดโฟลิก (folic acid) ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการทั้งหมดของร่างกายในหนึ่งวันเป็นแหล่งอาหารที่ดีของวิตามินบี 6 วิตามินบี 1 วิตามินเอ วิตามินซีโพแทสเซียม และใยอาหาร ทั้งยังให้พลังงานต่ำอีกด้วย ทำไมกินหน่อไม้ฝรั่งจึงป้องกันเบาหวานได้
เพราะนักวิจัยจาก University of Ulster ประเทศไอร์แลนด์ ค้นพบว่า การกินหน่อไม้ฝรั่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน (insulin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ โดยผลการค้นพบนี้จะมีการวิจัยต่อยอดเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการรักษา โรคเบาหวาน ต่อไป
ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไมหน่อไม้ฝรั่งจึงป้องกันมะเร็งได้ เพราะผักชนิดนี้มีวิตามินบี 6 และกรดโฟลิกสูง ซึ่งจากรายงานวิจัยในวารสาร The Journal of the American Medical Association ระบุว่า วิตามินบี 6 กรดโฟลิก และกรดแอมิโน เมไทโอนีน (methionine) สามารถช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดลงได้มาก 2 – 3 เท่า (สำหรับกรดแอมิโนเมไทโอนีนพบได้ทั่วไปในถั่วและโยเกิร์ต)
ทั้งนี้นักวิจัยจากสถาบันป้องกันมะเร็ง (Institute for Cancer Prevention : IFCP) ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โปรตีนกลูตาไทโอน (glutathione) ในหน่อไม้ฝรั่งมีประสิทธิภาพเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จึงช่วยป้องกันการลุกลามของมะเร็ง
หน่อไม้ฝรั่งนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายทั้งต้มจืด ผัดผัก แกงส้ม และกินเป็นสลัด แต่ก่อนนำมาทำอาหารควรล้างให้สะอาด แล้วหักเป็นท่อนพอดีคำขนาดเท่าๆ กันจากส่วนยอดลงมาก้านหน่อไม้ฝรั่งควรเปราะหักง่าย หากหักแล้วเหนียวหรือมีเสี้ยนไม่ควรใช้ทำอาหาร ไม่ควรใช้มีดหั่น เพราะทำให้ไม่สามารถสัมผัสเนื้อหน่อไม้ฝรั่งได้ อาจทำให้ได้เนื้อที่แก่และเหนียวจนเกินไป